“หมอศรัณย์” แห่งโรงพยาบาลวรรณสิริ ตำนานหมอศัลยกรรมกว่า 30 ปี

“หมอศรัณย์” นพ.ศรัณย์ วรรณจำรัส แห่งโรงพยาบาลวรรณสิริ นักแปลงร่างสร้างชีวิตใหม่ ตำนานหมอศัลยกรรมกว่า 30 ปี

การศัลยกรรม เสริมความงามอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ใครหลายๆ คน  

อีจัน Life Talk EP.นี้ พาไปทำความรู้จักกับ ตำนาน ที่เรียกว่าตำนาน เพราะมีประสบการณ์และความชำนาญการมากว่า 30 ปี 

บางสาขาเกาหลีอาจสู้เราไม่ได้ หรือบางสาขาคนไข้ก็มีขีดจำกัด เช่น บินไปไม่ได้ หรือค่าใช้จ่ายที่ต้องพักฟื้น เราก็เป็นตัวเลือก”   

หมอศรัณย์ กล่าว 

หมอศรัณย์ หรือนายแพทย์ศรัณย์ วรรณจำรัส แห่งโรงพยาบาลวรรณสิริ บนถนนพระราม 3 เคยให้ความกรุณา อีจัน ช่วยรับเคสพิเศษผ่าตัดเสริมหน้าอกให้ลูกเพจอีจัน ที่มีข้อจำกัดด้านสุขภาพ เพราะเธอเคยเป็นผู้ป่วยมะเร็งกระดูก และข้อจำกัดในเรื่องค่าใช้จ่าย การสร้างชีวิตใหม่ให้คนที่สิ้นหวังครั้งนั้น ทำให้เราได้มาเห็นความทันสมัยของโรงพยาบาลวรรณศิริและความชำนาญเก่งฉกาจของศัลยแพทย์ไทย จนวันนี้เรามีโอกาสมาพบท่านอีกครั้ง เพื่อสนทนากันในรายการอีจัน Life Talk เพราะเรามีเรื่องต้องคุยกัน กับนาตาเลีย เพลียแคมค่ะ  

กว่า 30 ปีที่อยู่ในแวดวงศัลยกรรมตกแต่ง มีคนไข้ผ่านมือคุณหมอมาแล้วหลักหมื่นคน คุณหมอเล่าว่า คนหนึ่งคน เมื่อต้องการทำตา ก็จะไปหาหมอที่เก่งเรื่องทำตา แล้วไปหาอีกหมอที่เก่งด้านการทำจมูก จากนั้นอาจจะไปหาหมอที่เก่งเรื่องทำคาง เมื่อทำเสร็จทีละอย่างอาจพบว่าเป็นความงามที่ไม่ลงตัวกับหน้าตนเองนัก จึงต้องแก้ไขไปเรื่อย ๆ คุณหมอจึงตัดสินใจสร้างโรงพยาบาลศัลยกรรมครบวงจร เพื่อลดปัญหานี้ 

“เราจึงเลือกหมอที่ทำตาเก่ง ทำจมูกเก่ง ทำคางเก่ง มารวมกันไว้ที่เดียว เป็น One Stop Service รวมแพทย์เก่ง มีชื่อเสียง มีอนาคตที่กำลังจะดังหรือดังแล้ว มารวมไว้ที่นี่ และยังมีเรื่องการดูแลผิวพรรณ การชะลอวัย เทคโนโลยีสูงสุดใน South East Asia ไว้ที่เรา เพื่อให้คนไข้มาที่เดียวครบ” 

หลายคนคิดว่าคนที่ไปทำศัลยกรรม เป็นเพราะอยากสวยหล่อ แต่คุณหมออธิบายว่าเป็นเรื่องการสร้าง First Impression หรือความประทับใจแรกเห็นให้ผู้คนต่างหาก 

“การศัลยกรรมเกิดจากความต้องการพัฒนาบุคลิกภาพ บางคนหนังตาตก หรือเคยมีตาสองชั้น พออายุมากแล้วชั้นตาหายไป บางคนก่อนมีลูกมีหน้าอกเยอะ พอคลอดแล้วหน้าอกหายไป ศัลยแพทย์ตกแต่งก็จะมาช่วยตรงนี้ เพราะเราดูแล Soft Tissue ทั้งตัวหัวจรดเท้า คือดูตั้งแต่ปลูกผม ผิวพรรณ ทำตาให้โตขึ้น ทำจมูกให้โด่ง รวมทั้งความบกพร่องแต่กำเนิด เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่ ตาไม่เท่ากัน เราก็เข้าไปช่วยให้บุคลิกภาพเขาดีขึ้น” 

ย้อนกลับไปสามสิบปีก่อนเมื่อคุณหมอเรียนจบแพทย์ ต้องไปทำงานใช้ทุนเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลในต่างจังหวัดนาน 3 ปี คุณหมอศรัณย์ได้พบว่าแต่ละพื้นที่ย่อมต้องการความชำนาญของแพทย์แตกต่างกัน เช่น ในโรงเรียนแพทย์ อาจต้องทำการผ่าตัดยาก ๆ เช่น สมอง ในขณะที่บางพื้นที่มีโรคภัยพื้นฐาน เช่น ความดัน เบาหวาน ผ่าตัดทั่วไป เช่น ตัดไส้ติ่ง ฯลฯ การฝึกฝนของแพทย์ให้เหมาะกับการรักษาโรคย่อมต้องแตกต่างกัน เมื่อพื้นที่ทำงานอยู่ใกล้โรงงาน ก็พบคนไข้ที่มาด้วยลักษณะเฉพาะ เช่นมีอุบัติเหตุนิ้วขาดต้องผ่าตัด และมีโอกาสได้ให้ชีวิตใหม่กับคนปากแหว่งเพดานโหว่ หรืออื่น ๆ จำนวนมาก คุณหมอยิ่งชำนาญและเห็นความสุขในงานอันสร้างประโยชน์นี้ 

ประกอบกับการได้ฝึกงานใกล้ชิดกับอาจารย์แพทย์หลายท่าน ทำให้ได้มุมมองการรักษาโรคและการทำงานของตนเองว่าต้องสอดคล้องกับนิสัย จึงจะเลือกสาขาที่เหมาะกับตนเองได้ เมื่อพบความชอบในงานหัตถการ คุณหมอศรัณย์จึงเลือกเป็นศัลยแพทย์ตกแต่ง 

“อาจารย์ท่านหนึ่งเคยบอกว่า ถ้าไปทำงานที่ไม่ชอบ เงินก็ไม่ได้ ชีวิตก็เซ็ง แต่ถ้าไปทำงานที่ชอบ ถึงเงินไม่ได้ เอ็งก็ได้มัน ผมก็เลยคิดว่าผมทำงานที่ชอบแล้วกัน สุดท้ายก็มาเรียนศัลยกรรม ก็เหมือนพวกฝึกวิทยายุทธน่ะครับ ตามอาจารย์ อยู่ดึก ๆ ดื่น ๆ ได้เรียนได้ช่วยอาจารย์ มีอาจารย์ที่เมตตาหลายท่านช่วยอุ้มชูสั่งสอน 

คุณหมอรำลึกถึงพระคุณอาจารย์แพทย์ที่ทำให้ประเทศไทยพัฒนางานศัลยกรรมก้าวหน้ากว่าใคร”

“เมืองไทยเราดังอยู่สองอย่างคือแปลงเพศกับเด็กหลอดแก้ว จะถือเป็น Soft Power ก็ได้ ครูบาอาจารย์เราบุกเบิกด้านนี้ เรื่องแปลงเพศนี้แม้ต่างชาติก็ให้ชื่อว่า Thai Technic ต้องยกความดีให้ อาจารย์ประกอบ ทองผิวที่รามาฯ อาจารย์ปรีชา เตียวตรานนท์ ที่จุฬาฯ เป็นผู้บุกเบิกด้านนี้ จนทุกวันนี้ลูกศิษย์ทั้งหลายก็ได้รับการยอมรับในนานาชาติ” 

หนึ่งในศิษย์คนสำคัญก็มาสานต่อวิทยาการที่ รพ.วรรณศิริ นี้เอง “เคยมีคนไข้ต่างชาติ อายุแปดสิบกว่า อยากจะมาแปลงเพศ เขาอยากจะจากไปในร่างของผู้หญิง เราก็ทำให้ ผลออกมาดีทีเดียว ผมว่าแพทย์จะเป็นผู้ตอบโจทย์ คนไข้มีความอยาก เขาก็จะหาว่าความอยากของเขานั้นใครตอบโจทย์ได้บ้าง เขาอยากเป็นคนปกติ เช่นเขามีหน้าอกไม่เท่ากัน อยากให้เท่ากัน นิ้วเกินนิ้วขาด ปากแหว่งเพดานโหว่ เราก็เป็นกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังที่จะทำให้เขาอยู่ในสังคมได้ บางทีเราไม่ได้คิดครับ เช่นคนขาขาดข้างหนึ่ง เขาใส่กระโปรงเราก็มองไม่เห็นแล้ว แต่ว่าเขารู้สึกเองว่าเขาไม่เป็นคนปกติ เพราะฉะนั้นบางเรื่องเป็นเรื่องที่ติดค้างในใจ แพทย์เราก็จะตอบโจทย์ให้ชีวิตเขาครับ”  

ดังที่เล่าแล้วว่าคุณหมอเคยช่วยผ่าตัดเสริมหน้าอกให้น้องเติ้ลลูกเพจอีจัน ที่ต้องการแปลงจากชายเป็นหญิงแม้จะมีสุขภาพคาบเกี่ยวความเป็นความตายด้วยโรคมะเร็งที่ทำให้ต้องตัดขาข้างหนึ่งไปแล้ว การตัดสินใจรับทำเคสที่ยากเคสนั้น ตอบเราได้อย่างดีถึงเจตนาอันงดงามของความเป็นแพทย์ศัลยกรรม 

คนเราต้องตายนะ แต่เขาก็มีความสงบในจิตใจมากขึ้น หากเขาสามารถอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ความพึงพอใจ เราทำให้เขามีความสุขได้ หนึ่งวันก็หนึ่งวัน หนึ่งปีก็หนึ่งปี เราตามฝันให้เขาได้ก็โอเคนะครับ” 

ส่วนฝันของคุณหมอศรัณย์ คือการพัฒนาตนเองต่อไป โดยมีโรงพยาบาลวรรณศิริ เป็นที่ทำงาน  

“เราเป็นโรงพยาบาล 30 เตียง ทำด้วยความมันเลยครับ อัดทุกอย่างเข้าไปเต็มที่ คลีนรูมสะอาดแบบเปลี่ยนหัวใจได้ เปลี่ยนข้อเข่าด้วย ทำให้ดีสุดไปเลย ทำเอามันว่างั้น แต่ได้เงินด้วยก็ดี  

เรามองว่าการศัลยกรรมนั้น เกาหลีเป็นผู้นำ เราจะแข่งกับเกาหลีก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะผู้คนเขาเชื่อมานาน แต่บางสาขาเกาหลีอาจสู้เราไม่ได้ หรือบางสาขาคนไข้บินไปไม่ได้ มีข้อจำกัด เราก็เป็นตัวเลือก 

เราอยากให้โรงพยาบาลเราเหมือนเกาหลีหรือดีกว่า เรามีวอร์ดพักคนไข้ มีแพทย์ 12-18 ท่าน ระดับอาจารย์อาวุโส และตั้งแต่ประสบการสิบปีขึ้นไป สถานที่สัปปายะ ที่คุณหมอจะพาคนไข้มาทำได้ 

นอกจากศัลยกรรม ก็มี Anti-Aging ชะลอวัย ดูแลผิวพรรณ สปา ครบวงจร สำคัญสุดคือไอเดียที่รวมคุณหมอเก่งทุกอย่างมาที่นี่” 

สุดท้าย คุณหมอศรัณย์ฝากข้อคิดสำหรับคนที่คิดจะปรับบุคลิกภาพด้วยศัลยกรรมตกแต่ง 

 

“ผมอยากให้คนที่จะทำศัลยกรรมต้องตระหนักรู้ก่อน ที่เราเห็นกันเนือง ๆ คือการประเมินตนเองสูงเกินไป การเลือกแพทย์ที่จะดูแลเรา เราควรจะเข้าไปค้นในแพทยสภาหน่อยว่าคนที่จะมาดูแลเราเป็นใคร จบอะไรมา ความรู้ความชำนาญมีอะไรบ้าง เราจะเห็นอะไรประหลาด ๆ อยู่ในทวิตเตอร์ ติ๊กตอกเยอะแยะ ให้คิดว่าอะไรที่ดูดีเกินจริงน่ะ มันไม่มีอยู่จริงครับ”   

อยากฟังทั้งหมด เข้าชมได้ในอีจัน Life Talk ทาง Youtube Channel นะคะ  

ขอบคุณโรงพยาบาลวรรณศิริ https://www.wansirihospital.com/