‘ชัชชาติ’ เดินหน้าใช้เทคโนโลยีแก้รถติด

“ชัชชาติ”ถก รองผบช.น.-ตำรวจจราจร วาง 5 แนวทางแก้ ปัญหารถติด รถติด เดินหน้านำเทคโนโลยีมาใช้ ลั่น! แม้แก้ไม่ได้ แต่ทำให้ดีขึ้นแน่นอน

“ชัชชาติ” หารือ รองผบช.น.-ตำรวจจราจร กำหนด 5 แนวทาง แก้ปัญหาการจราจรติดขัดในกทม. เดินหน้านำเทคโนโลยีมาให้บริหารจัดการจราจร หลังพบมีกล้องดูจราจรแค่กว่า100ตัว จากกว่า 50,000 ตัว

(8มิ.ย.65) เมื่อเวลา 07.00น. นาย​ชัชชาติ​ สิทธิ​พันธุ์​ ผู้ว่าฯกทม.​ หารือร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.02) เรื่องการจัดการจราจรในกรุงเทพฯ ที่ กองบังคับการตำรวจจราจร TRAFFIC POLICE DIVISION​ โดยมี​พล.ต.ตจิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล​ ในฐานะหัวหน้างานจราจร (จร.)และ​ พล.ต.ต​ สุวิชชา จินดาคำ ผบก.จร​ ให้การตอบรับ และชี้แจงข้อมูล กระบวนการทำงานของตำรวจจราจร

โดยนายชัชชาติ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเรื่องจราจรเป็นเรื่องเร่งด่วนที่เป็นปัญหากับคนกรุงเทพ โดยเฉพาะช่วงโรงรียนเปิดและช่วงฝนตก จากการหารือได้ข้อสรุปร่วมกัน 5 ข้อ คือ

1.จะต้องมีความร่วมมือกันอย่างเข้มข้น ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า30หน่วยงาน ทั้ง กทม. ตำรวจจราจร กระทรวงคมนาคม ขสมก.รถไฟฟ้า ทางด่วน จึงต้องมีความร่วมมือกัน

2.จะมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการร่วม แม้เดิมจะมีอยู่แล้วแต่การปฏิบัติไม่ได้เข้มแข็งมาก โดยควรจะต้องมีเจ้าหน้าที่ตัวแทนกทม. มานั่งประจำ รวมถึง ขสมก.มาร่วมด้วย เพื่อจะได้ลงไปแก้ปัญหาแต่ละจุดอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ กทม.จะรับผิดชอบทำแผนที่ในการทำจุดรถติดซ้ำซาก เพื่อนำมาวิเคราะห์ ปัญหา ว่าจะแก้ไขอย่างไร โดยจะเริ่มทำทันที และเชื่อว่าหลายจุดจะสามารถบรรเทาได้ เช่นจุดที่มีรถจอดส่งของต่างๆ และจะมีการประชุมทุกเดือนเพื่อติดตามความก้าวหน้า

3.เรื่องเทคโนโลยี เพราะกล้องวงจรปิดที่ดูจราจรมีกว่า100กล้องเท่านั้น จากกว่า50,000กล้อง และการบริหารไฟจราจรก็ใช้จราจรที่แยก ทำให้ไม่เห็นภาพรวม ดังนั้น ควรมีระบบที่เห็นภาพรวมการจราจรทั้งกรุงเทพ และบริหารจัดการไฟแบบกึ่งอัตโนมัติ แต่บางจุดก็ต้องมีคนดูแล จะทำให้ใช้ถนนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาระบบเพื่อติดตั้ง บริหารจัดการไฟทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพ โดยต้องศึกษาให้แล้วเสร็จภายใน1ปี จากนั้นก็จะดำเนินการติดตั้งระบบ

4.เรื่องความปลอดภัย ซึ่งทางกายภาพ กทม.ดำเนินการ แต่สิ่งสำคัญคือ การจำกัดวามเร็วในกทม. โดยกทม.จะนำข้อมูลความเสี่ยงจุดเกิดอุบัติเหตุบ่อยมาวิเคราะห์ว่าเส้นไหนควรจะมีความเร็วต่ำกว่า80กิโลเมตร/ชม. มาหารือกับ บช.น. เพื่อกำหนดควบคุมคงามเร็วในเมือง และในชุมชน ที่เป็นความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อทำให้เกิดความปลอดภัย

5.เรื่องจักรยานยนต์ ต้องหารือว่าจะมีแนวทางอย่างไรจัดการให้เกิดความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เช่น บางถนนมีการทำเลนสำหรับมอไซค์ จุดจอดมอไซค์ ก่อนถึงสี่แยก ให้แยกกับรถยนต์ จึงต้องดูแลประชาชนที่ใช้รถจักรยานยนต์กลุ่มนี้ให้มากขึ้น โดยจะต้องมีการร่วมมือกันกับ บช.น. ซึ่ง เชื่อว่า หลังจากวันนี้จะเห็นการปรับปรุงที่ดีขึ้น

นายชัชชาติ ยังบอกอีกว่า หากมีการนำระบบอัตโนมัติ และเทคโนโลยีมาใช้ จะช่วยทำให้การบริหารจัดการได้ดีขึ้นและสะดวกขึ้น ซึ่งกทม.ต้องช่วยตำรวจจราจรในการนำเทคโนโลยีมาใช้ด้วย

ส่วนหนึ่งการใช้เทคโนโลยีจะช่วยเรื่องการตรวจจับปรับได้ และหากนำเอาค่าปรับจราจรดังกล่าว มาเป็นตัวที่ใช้ในการลงทุนตัวระบบได้ ก็จะทำให้ไม่ต้องใช้งบประมาณส่วนอื่น

ส่วนจะเริ่มแก้ปัญหาจากจุดใดก่อนนั้น นายชัชชาติ มองว่า จะต้องเริ่มจากจุดที่เกิดปัญหาซ้ำซากก่อน เช่น พระราม4 ส่วนหนึ่งที่รถติดคือรถขึ้นทางด่วน และรถจอดส่งของ

ทั้งนี้หากมีการนำเทศกิจไปเป็นผู้ช่วยตำรวจ ในการบังคับห้ามจอดรถ ก็น่าจะช่วยทำให้รถคล่องตัวขึ้นได้ และสัปดาห์หน้าตนเองก็จะลงพื้นที่ ไปดูจุดที่เป็นปัญหา จุดที่ดูรถติดซ้ำซาก เพื่อดูว่าปัญหาคืออะไร และจะแก้อย่างไร

นอกจากนี้ หากในการแก้ปัญหาระยะเร่งด่วน ก็ควรจะนำมาใช้กฎหมายมาบังคับใช้ด้วย ส่วนระยะกลางก็เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย

นายชัชชาติ ยังบอกอีกว่า ปัจจุบันถนนน้อยกว่ารถ ต้องใช้ถนนให้อย่างมีประสิทธิภาพ และถ้านำเทคโนโลยีเข้ามา จะช่วยแก้ปัญหาได้ แต่ไม่ใช่แก้ได้100% เพราะรถมันเยอะ ซึ่งรถเยอะ เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะไม่ดี แต่ถ้าระบบขนส่งสาธารณะดีขึ้น หลังจากนี้ถ้ารถไฟฟ้าเสร็จ มีระบบเชื่อมต่อที่ดี ก็เชื่อว่าจะทำให้คนหันมาใช้รถสาธารณะเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้เรื่องรถติดเป็นเรื่องใหญ่ เราพยายามทำเต็มที่ น่าจะเห็นผลที่ดีขึ้น ถ้าเราช่วยกัน แต่ก็ขอให้ประชาชนร่วมมือกัน ถ้าช่วยกันเต็มที่ทุกภาคส่วน เชื่อว่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้

คลิปแนะนำอีจัน
พ่อมาวิน เปิดใจก่อนฟังคำพิพากษาคดี ผกก.โจ้