
ตีลังกาเล่าข่าวโดย “กรรณะ”
สัญญาณที่เกิดขึ้นกับรัฐบาล ถือว่าย่ำแย่ลงเรื่อยๆ แม้จะยังไม่ถึงจุดอับ จุดตาย แต่ก็เหมือนคนกำลังปริ่มน้ำ จะขึ้นก็ไม่ได้ จะจมก็ยังไม่สุด
หลังจากที่ก่อนหน้านี้รุกไล่ “พรรคภูมิใจไทย” ทุกทางโดยเฉพาะกรณีการใช้ “สงครามตัวแทน” เดินหน้าเอาผิด สว. สีน้ำเงิน ในคดีฮั้วเลือก สว. หรือการที่พยายามให้พรรค “ซับคอนแทรกท์” อย่าง “กล้าธรรม” หาเสียง สส. เติมให้กับรัฐบาลเพื่อลดอำนาจต่อรองของพรรคภูมิใจไทย
รุกไล่จนเกือบสำเร็จ เพื่อทวง “มหาดไทย” คืนมาปล่อยข่าวว่า “ภูมิใจไทย” ยอมแล้ว พร้อมข่าวแปลกๆ เช่น “อนุทิน ชาญวีรกูล” ยอมถอยไปเอาตำแหน่ง “รมว.ศึกษาฯ” ที่ปัจจุบันก็เป็นของ “ภูมิใจไทย” อยู่แล้ว หรือล่าสุดก็มีข่าวว่า ยอมไปรับตำแหน่ง “รมว.พาณิชย์”

แรกๆ ก็ดูเหมือน “พรรคอันดับสามในสภา” จะยอมถอดใจ แต่ต้องไม่ลืมว่า ในพรรคมีคนหนึ่งคนที่ประกาศวางมือการเมือง แต่ในความเป็นจริงคือกุมความเป็นไปอย่าง “ครูใหญ่ เนวิน ชิดชอบ”
อยู่ๆ รัฐบาลก็ตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรองเพราะเกิดเรื่องความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านอย่าง “กัมพูชา”
ผิดหรือถูก ควรหรือไม่ วางกันเอาไว้ก่อน เพราะที่ลืมไม่ได้คือ “การเมืองเป็นเรื่องของความรู้สึก” เพราะเมื่อไหร่ที่คนรู้สึกว่ารัฐบาลไม่ได้เป็นตัวแทน หรือทำในสิ่งที่อยากได้ เมื่อนั้นสภาพความเชื่อมั่นจะตกต่ำ
เหมือนเช่นตอนนี้ที่เกิดขึ้น คนจำนวนมากเชื่อว่า รัฐบาลไม่ได้ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศเพียงพอ ต้องบอกให้ชัดลงไปอีกว่า คำว่ารัฐบาล มิได้หมายถึง “รัฐบาล”แต่หมายถึงเพื่อไทย เพราะทันทีที่เกิดเรื่อง พรรคร่วมรัฐบาลอื่นต่างชูธงตามแคมเปญของทหาร “ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด” และคนที่เดินนำมาคนแรกก็ไม่ใช่ใครที่ไหน “ครูใหญ่เนวิน” นั่นเอง

มิพักที่ต้องพูดถึงบทบาทของ “อนุทิน” ในฐานะ รมว. มหาดไทย เมื่อกลับมาจากต่างประเทศ ก็ไปชายแดนทันที ไปดูเด็กๆไปเต้น “ไก่ย่างถูกเผา” ไปนั่งกินข้าวกล่อง ขณะที่กว่า “นายกฯอุ๊งอิ๊ง” จะขยับตัวก็ปาเข้าไปกลางสัปดาห์
แถมก่อนลงพื้นที่ “อนุทิน” พูดการเมืองชัดว่า ไม่ทิ้ง “มหาดไทย” เพราะนี่คือข้อตกลงที่ “เพื่อไทย” ทำไว้ตั้งแต่ไปเชิญมาร่วมรัฐบาล
สถานการณ์ของ “เพื่อไทย” ยังไม่ดีขึ้น แม้ต้นสัปดาห์จะทำให้อุณหภูมิเบาลงเมื่อ “กัมพูชา” ยอมปรับกำลังหลังไทยปรับเวลาเปิดปิดด่าน
สังคมมยังส่งเสียงเตือนว่าอย่าเพิ่งวางใจ และให้เพิ่มมาตรการตัดเน็ต ตัดไฟ แต่รัฐบาลก็ยังเชื่อมั่นและรอ “เจรจา JBC” แต่ที่สุด “กัมพูชา” ก็รุกหนักชิงประกาศไม่ซื้อไฟไทย ตัดเน็ตไทย เสียก่อน แถมด้วยปิดด่านที่จันทบุรี และประกาศแบนไทยอีกหลายอย่าง
หลายคนบอกว่านี่คือย่างก้าวที่ช้าเกินไปของรัฐบาล บางคนเหน็บแนมถึงขั้น “ไทยคิด กัมพูชาทำ” ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นการเมืองของรัฐบาลยิ่งตกต่ำ
ระหว่างที่รัฐบาลมะงุมมะงาหราทั้งการบ้าน ทั้งการเมือง “ภูมิใจไทย” ก็เดินหน้า โดยการเก็บ สส. จาก “พลังประชารัฐ” พรรคที่กำลังนอนรอวันจากไป โดยกวาดเอากลุ่ม “มะขามหวาน” ของ “สันติ พร้อมพัฒน์” มาอยู่ในก๊วน รวดเดียว 6 คน

เติมเสียงต่อรองให้กับ “ภูมิใจไทย” อีกมากโข เพราะเสียงขนาดนี้ที่ “ผู้กองธรรมนัส” ทำมานานหลังจากออกมาตั้ง “กล้าธรรม” ก็ยังหาเสียงเพิ่มไม่ได้ขนาดนี้เลย
สิ่งที่ลืมไม่ได้คือภาพที่ปรากฏหลังดีลจบก็คือ “ครูใหญ่เนวิน” ที่ร่วมเฟรมอย่างชื่นมื่น
และสิ่งที่ “ภูมิใจไทย” ส่งสัญญาณก็คือพวกเขาพร้อมที่จะเปิดรับใครก็ตามที่อยากเข้ามา และไม่ใช่แค่เพื่อวันต่อรองรัฐบาลวันนี้ แต่เพื่อการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย ซึ่งเชื่อกันว่า พวกเขาพร้อมแล้วสำหรับการก้าวมาเป็นคู่ท้าชิงไม่ใช่แค่พรรคอันดับสาม
ทำให้ “เสี่ยหนู” ให้สัมภาษณ์ใน “วันศุกร์ที่ 13 มิ.ย.” ว่า “มั่นใจ!” จะยังนั่งในเก้าอี้ มท.1 และพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านหากไม่ได้ตำแหน่งเดิม
งานนี้ “เพื่อไทย” ต้องคิดให้รอบคอบว่าจะเอายังไงกันแน่ หาก “ภูมิใจไทย” ตัดสินใจเป็นฝ่ายค้าน บอกเลยรัฐบาลเหนื่อยแน่ ไหนจะเสียงที่ลดลง ไหนจะกระแสที่กลายเป็นถูกโดดเดี่ยว เพราะต้องไม่ลืมว่า รัฐบาลนี้ยังมี “ภูมิใจไทย” คอยพยุงเรื่องราวข้างหลังอีกหลายเรื่อง แต่หากไม่มีแล้วเรื่องเหล่านี้ก็จะหมดไป ทุกกระแสจะถาโถม โดยเฉพาะเรื่อง “ความมั่นคง”
แต่จะยุบสภา “เพื่อไทย” เองก็รู้ดีว่า กระแสแบบนี้จะเอาอะไรไปสู้ เศรษฐกิจก็แก้ไม่ได้ เงินก็แจกไม่ได้ แถมเรื่องเพื่อนบ้านก็ตกเป็นรอง เดินเข้าสนามก็มีแต่จะพังกันทั้งหมด
นาทีนี้รัฐบาลจึงต้องระวัง เพราะดีไม่ดี “ไก่ย่าง” ตัวที่ “เสี่ยหนู” ร้องเล่นกับเด็กๆ ชายแดนอย่างสนุกสนาน อาจหมายถึง “นายกฯ” ก็ได้