เพราะมี “เสือโคร่ง”
จึงเกิดความสมดุลบนผืนป่าและเหล่าสัตว์ทุกชีวิต
“เสือโคร่ง” ผู้ยืนอยู่บนยอดพีระมิดแห่งพงไพร สัตว์ที่มีคุณค่ากับผืนป่า ไม่ควรค่ามีกับการประดับไว้ตามบ้านเรือนใคร
เสือโคร่ง (Tiger) คือ ชนิดพันธุ์ที่เรียกว่า umbrella species ซึ่งหมายถึง การเป็นเป้าหมายหลักในการอนุรักษ์และคุ้มครอง นั้นเท่ากับว่า สัตว์ป่าน้อยใหญ่ในพื้นที่ของเสือโคร่ง จะได้รับการอนุรักษ์และปกป้องไปพร้อมๆ กัน
ดังนั้น การดำรงอยู่ของเสือโคร่ง จึงเท่ากับ การดำรงอยู่ของสัตว์ป่านานาชนิดในผืนป่า
เสือโคร่ง อยู่ในวงศ์ Felidae เป็นสัตว์กินเนื้อ (canivora) ทั่วโลก มีเพียง 9 สายพันธุ์ ได้แก่ บาหลี, ชวา, แคสเปียน, อินโด-ไชนีส, เบงกอล, ไซบีเรียน, เซาท์ไชน่า, สุมาตรา และมลายู
และเป็นที่น่าเสียดายที่ 3 สายพันธุ์แรก สูญพันธุ์ไปจากโลกแล้ว เหลือไว้เพียง 6 สายพันธุ์หลัง ที่ถึงแม้จะยังไม่สูญพันธุ์ แต่ก็มีจำนวนเหลือน้อยเต็มที
ผลสำรวจ เมื่อปี 2564 พบว่า “เสือโคร่งในผืนป่าไทย” ในธรรมชาติมีประมาณ 177 ตัว เป็นสายพันธุ์อินโด-ไชนีส มีลำตัวขนาดกลาง นน. 130-200 กก. อาณาเขตของเสือโคร่งเพศผู้ กินพื้นที่ราว ๆ 200-300 ตร.กม. ในขณะที่เพศเมียจะอยู่ที่ 60 ตร.กม. ล่าเหยื่อตั้งแต่หมูป่า เก้ง กวาง วัวแดง และกระทิง และนิยมล่าเหยื่อที่มีช่วงอายุโตเต็มวัย
การล่าแต่ละครั้ง จะใช้เวลาในการกินเหยื่อนาน 3-6 วัน เสือโคร่ง 1 ตัว กินเนื้อประมาณ 3,000 กก./ปี แม้เสือโคร่งจะกินวัวแดง กระทิง ควายป่า หรือแม้แต่ลูกช้าง แต่ก็มีหลักฐานมากพอที่ยืนยันได้ว่า เสือโคร่งกินเผื่อชีวิตอื่นๆ ด้วย
หลักฐานที่ชัดเจนในทุกวันนี้ ก็คือประชากรวัวแดงในหุบเขานางรำ ทับเสลา ของเขตฯห้วยขาแข้ง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ถ้าเสือโคร่งล่ากินหมด วัวแดงอาหารหลักก็ควรจะน้อยลงสิ เรากลับพบว่าวัวแดงเพิ่มมากขึ้นในหุบทับเสลา จนล้นออกไปถึงทุ่งแฝก
ทำไมเสือโคร่งจึงมีความสำคัญกับผืนป่า?
ทำไมจึงมุ่งเป้าการอนุรักษ์ไปที่ “เสือโคร่ง” ทั้งที่มันเป็นสัตว์กินเนื้อ
WCS Thailand กล่าวถึงความสำคัญของเสือโคร่งต่อระบบนิเวศไว้ว่า
“เสือโคร่ง มีความสำคัญที่โดดเด่นในฐานะผู้ล่าสูงสุดในห่วงโซ่อาหาร มีบทบาทและหน้าที่ในการควบคุมประชากรของสัตว์กินพืชไม่ให้มีจำนวนมากเกินไป”
รวมทั้งรักษาสายพันธุ์ที่ดีของประชากรสัตว์ที่เป็นเหยื่อ เพราะสัตว์ที่อ่อนแอมักตกเป็นเหยื่อของเสือโคร่ง นอกจากนี้ปริมาณ และชนิดเหยื่อของเสือโคร่งก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชากรเสือโคร่งอยู่รอดได้เช่นกัน ด้วยความสัมพันธ์นี้จึงกล่าวได้ว่า “เสือโคร่ง” สามารถเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ที่มีสัตว์ป่าดำรงอยู่ได้อย่างชัดเจน
ดังนั้น เสือโคร่ง จึงได้ชื่อว่าเป็น “7 สัตว์ป่าผู้ยิ่งใหญ่ แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง”
ปัจจุบันของเสือโคร่ง เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ไอยูซีเอ็น (IUCN) จัดให้อยู่ในประเภทใกล้สูญพันธุ์ (EN)
“สัตว์ป่า แต่ละชนิดล้วนแต่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน พวกมันทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเข้มแข็ง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลในระบบนิเวศ ทั้งผู้ล่าและผู้ถูกล่า ดังนั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม สัตว์ป่าย่อมมีคุณค่ามากที่สุดเมื่ออยู่ในผืนป่า มิใช่ในกรงเลี้ยง หรือแขวนประดับไว้ตามบ้านเรือนของใคร”
ขอบคุณข้อมูลจาก: สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า และห้วยขาแข้งสืบสาน