ไฟป่าดอยหลวงเชียงดาววิกฤติ! อธิบดีกรมอุทยานฯ ประกาศปิดไม่มีกำหนด

อธิบดีกรมอุทยานฯ ประกาศปิดดอยหลวงเชียงดาวไม่มีกำหนด เร่งแก้ปัญหาไฟป่า ลักลอบล่าสัตว์ และพื้นที่โฮมสเตย์

ดอยหลวงเชียงดาว วิกฤติ! ไฟป่าล้อมทั่วทั้งเขา อุทยานฯ ประกาศปิดไม่มีกำหนด

(26 เม.ย. 67) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ประกาศปิด ดอยหลวงเชียงดาว ไม่มีกำหนด จนกว่าจะแก้ปัญหาลักลอบเผาป่า บุกรุกล่าสัตว์ป่า และจัดระเบียบโฮมสเตย์ เพื่อป้องกันความเสียหายพื้นที่สงวนชีวมณฑลสำคัญของประเทศ

โดย นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ไฟป่าจนถึงปัจจุบัน (1 ต.ค. 66 – 25 เม.ย. 67) พบว่ามีจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ป่าอนุรักษ์รวมทั้งสิ้น 43,290 จุด โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าพื้นที่อนุรักษ์ ซึ่งมีสถิติการเกิดไฟป่าสูงสุด ขณะนี้อยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว มีจุดความร้อนสะสมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมจนถึงปัจจุบัน พบจุดความร้อนสะสมแล้ว 197 จุด

โดยเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่าบนพื้นที่ดอยนาง ต.เมืองงาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ชุดดับไฟป่าสถานีดับไฟเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จำนวน 3 ชุดปฏิบัติการ พร้อมด้วย สมาชิก อส. , อส.เชียงดาวที่ 6 ร่วมบูรณาการกับทีมงานฝ่ายปกครองท้องที่ ต.เมืองงาย ได้เข้าปฏิบัติการควบคุมไฟป่า เพื่อควบคุมไฟในพื้นที่ดอยนาง ตั้งแต่เวลา 21.00 น. โดยมีนายกฤตพล  รชตเมธานนท์ นายอำเภอเชียงดาว ผอ.ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) อำเภอเชียงดาว  พร้อมด้วยปลัดอำเภอ ร่วมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ บริเวณด้านหน้าดอยนาง ต.เชียงดาว และต.เมืองงาย ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ซึ่งเป็นหน้าผาสูงชัน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างควบคุมไฟด้านล่าง และทิศทางของไฟลงมาจากเขาสู่ด้านล่างเขา และไฟที่เกิดบางจุดอยู่บนเขาสูงชัน ไม่สามารถเดินเท้าเข้าไปดับได้ โดยได้มีการประสานงานเสือไฟเชียงใหม่และและสถานีควบคุมไฟป่าผ้าห่มปก หน่วยงานละหนึ่งชุด เพื่อเข้าตรวจสอบในช่วงเช้าของวันถัดไป

ต่อมา นายอรรถพล เจริญชันษา ได้ลงนามในประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงวันที่ 26 เมษายน 2567 ประกาศปิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อความสมบูรณ์และความหลากหลายด้านทรัพยากรธรรมชาติของพื้นที่สงวนชีวมณฑล โดยห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวโดยมิได้รับอนุญาต ยกเว้นผู้ที่อยู่อาศัยหรือทำกิน ที่ได้มีการสำรวจการถือครองที่ดินไว้ตามมาตรา 121 แห่งพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ทั้งนี้ เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาการลักลอบเผาป่า การบุกรุกพื้นที่ป่า การล่าสัตว์ป่า ตลอดจนการจัดระเบียบที่พัก โฮมสเตย์ และการควบคุมการเข้าออกอย่างเหมาะสม เพื่อให้สภาพธรรมชาติได้ฟื้นฟูระบบนิเวศ และฟื้นตัวจากความเสียหาย

โดยอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้สั่งการให้มีการแต่งตั้งคณะทำงาน 3 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วยคณะทำงานด้านบังคับใช้กฎหมาย คณะทำงานด้านจัดที่ดินและการใช้ประโยชน์ คณะทำงานด้านฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติฯ เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางที่เหมาะสม สำหรับการบริหารจัดการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวอย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม กรมอุทยานแห่งชาติฯ ต้องขออภัยต่อความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย จากการประกาศปิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวในครั้งนี้ แต่เนื่องจากเหตุผลในการปกป้องคุ้มครองดูแลรักษาทรัพยากรของชาติฯ จึงต้องมีการประกาศปิด เพื่อทบทวนและกำหนดมาตรการที่เหมาะสมในการบริหารจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑล ดังกล่าวข้างต้น

สำหรับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว มีสภาพป่าที่สมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ป่าที่สำคัญ จนได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑล  มีสังคมป่าทั้งป่าดิบเขา ป่าสนเขาและป่าเบญจพรรณ ประกอบด้วยพันธุ์พืชที่สำคัญ ได้แก่ ไม้ในวงก่อ (ก่อสีเสียด ก่อเดือย ฯลฯ) ไม้สัก เทียนเชียงดาว เทพธาโร ซึ่งเป็นพันธุ์พืชหายาก สัตว์ป่าที่สำคัญ ได้แก่ กวางผา เสือลายเมฆ เสือไฟ แมวดาว ค่างแว่นถิ่นเหนือ นกกก นกแก๊ก นกพญาไฟใหญ่ เต่าปูลู เต่าเหลือง ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นสัตว์ป่าที่หายาก ใกล้สูญพันธุ์ ด้วยความพิเศษของพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพด้านทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศพืชพันธุ์ไม้ สัตว์ป่านานาชนิด รวมทั้งมีความหลากหลายของวิถีชีวิตวัฒนธรรมประเพณี การดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพของชุมชนในท้องถิ่น จึงได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลเมื่อปี พ.ศ.2564

โดยพื้นที่สงวนชีวมณฑล เป็นพื้นที่ที่มีระบบนิเวศที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ภายใต้โครงการมนุษย์และชีวมณฑลขององค์การยูเนสโก ที่มีคุณค่าต่อการอนุรักษ์ความหลากหลายของพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ และระบบนิเวศ ที่สามารถส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างยั่งยืน ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่สงวนชีวมณฑล อยู่ทั้งสิ้น 5 แห่ง ได้แก่

1. พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช จังหวัดนครราชสีมา

2. พื้นที่สงวนชีวมณฑลแม่สา-คอกม้า จังหวัดเชียงใหม่

3. พื้นที่สงวนชีวมณฑลป่าสัก-ห้วยทาก จังหวัดลำปาง

4. พื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง จังหวัดระนอง

5. พื้นที่สงวนชีวมณฑลดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่




คลิปอีจันแนะนำ

บิ๊กโจ๊ก แถลงเดือด! แฉขบวนการเตะตัดขา ตำแหน่ง ผบ.ตร.