กรณี พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ได้ถูกสำรองราชการ เนื่องจากการถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงและถูกร้องทุกข์ดำเนินคดี กรณีถูกกล่าวหา ดักฟัง เผยแพร่ข้อมูลการสนทนา ระหว่าง พล.ต.อ. วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. (ในขณะนั้น) ตั้งแต่ต้นปี 2563 และจากกรณีที่ คนร้ายยิงรถ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. และต่อมา พล.ต.อ.วิระชัย ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งสำรองราชการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี นั้น
ล่าสุด 30 ก.ย.64 ศาลปกครองกลาง ได้อ่านคำพิพากษาคดี พิพากษาเพิกถอนคำสั่งของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา สํารองราชการ และเพิกถอนประกาศของนายกรัฐมนตรี ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.63 และเพิกถอนมติของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ในคราวการประชุมครั้งที่ 11/2563 เมื่อวันที่ 26 พ.ย.64 ที่ยกคำร้องทุกข์ของ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ผู้ฟ้องคดี โดยให้มีผลย้อนหลังนับแต่วันที่มีคำสั่งของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และมีผลย้อนหลังนับแต่วันที่มีมติของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และมีผลย้อนหลังนับแต่วันที่มีประกาศของนายกรัฐมนตรี มีผลใช้บังคับ และศาลปกครองกลาง มีข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทาง หรือวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาว่า ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คืนสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้แก่ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ตามกฎหมายและระเบียบกำหนดต่อไป เสมือนหนึ่งว่า พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ผู้ฟ้องคดีไม่เคยถูกคำสั่งสำรองราชการและไม่เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่ชาติมาก่อน คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ส่วนคำสั่งศาล ลงวันที่ 13 ก.ค.64 ที่ให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงวันที่ 29 ก.ค.63 ที่ให้ผู้ฟ้องคดี สํารองราชการ และให้ทุเลาประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 31 ส.ค.63 ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น ให้คำสั่งทุเลานั้นมีผลใช้บังคับต่อไป จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
คลิปอีจันแนะนำ
กู้ซากเรือล่ม ขอให้มีปาฏิหาริย์ #เรือล่มอยุธยา