อนุทินยัน รับฟังทุกฝ่าย ให้กฎหมายกัญชา มีประสิทธิภาพสูงสุด

อนุทินยัน รับฟังทุกฝ่าย ให้กฎหมายกัญชา มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมรับมอบตำรับยากัญชาหมอพื้นบ้าน เป็นตำรับยาแผนไทยของชาติ

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับมอบตำรับยากัญชาหมอพื้นบ้าน จาก “ลุงดำ เกาะเต่า” และพระครูปัญญาวโรบล ให้เป็นตำรับยาแผนไทยของชาติ ยืนยันรับฟังความเห็นและข้อเสนอทุกภาคส่วน เพื่อปรับปรุงร่างกฎหมายกัญชาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และลดข้อกังวลของประชาชน ช่วงระหว่างรอกฎหมาย มีประกาศกลิ่นและควันเป็นเหตุรำคาญ และเตรียมออกประกาศกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม ป้องกันการเข้าถึงในเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตร

เมื่อวานนี้ (15 มิ.ย. 65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกันรับมอบตำรับยากัญชาของหมอพื้นบ้านให้เป็นตำรับยาแผนไทยของชาติ จากนายอร่าม ลิ้มสกุล หรือลุงดำ เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี และ พระครูปัญญาวโรบล มอบตำรับยากัญชาหมอพื้นบ้าน จ.อุบลราชธานี ภายในงานประชุมวิชาการ เดินหน้ากัญชาเสรี แก้เจ็บแก้จน

โดยนายอนุทินได้ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ปลดล็อกกัญชาเสรี สร้างเศรษฐกิจ สร้างสุขภาพ” ยืนยันว่าการปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติดตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา มุ่งใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ ซึ่งอธิบายด้วยคำจำกัดความอยู่แล้วว่าไม่มีเสรีกัญชาเพื่อสันทนาการ การสูบและการเสพ ทั้งนี้สิ่งที่เป็นปัญหาของการใช้ในขณะนี้ คือ การเสพ และการใช้เกินจากระดับที่ปลอดภัย ซึ่งกัญชาไม่ต่างกับพืช หรือยาอื่นๆ ที่ต้องมีการใช้อย่างเหมาะสม หากใช้เกินความจำเป็นหรือเกินระดับความปลอดภัยก็เป็นอันตรายได้ แต่หากใช้ตามที่แพทย์สั่งจ่ายหรือแนะนำ ยังไม่พบว่ามีผู้ได้รับผลกระทบ

สำหรับร่าง พ.ร.บ.กัญชา ที่ผ่านการรับหลักการของสภาแล้วนั้น คณะกรรมาธิการที่แต่งตั้งขึ้นทั้งจากฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ผู้ทรงคุณวุฒิ และข้าราชการประจำ ได้รับฟังทุกฝ่าย ทุกข้อเสนอแนะ และทุกข้อกังวล เพื่อกลั่นกรองแก้ไขเพิ่มเติมจนทุกฝ่ายเห็นชอบเพื่อกลับมานำเสนอสภาชุดใหญ่ เพื่อให้กฎหมายมีประสิทธิภาพ และลดความกังวลของประชาชนมากที่สุด เชื่อว่าจะรักษาสมดุลระหว่างโอกาสของประชาชนและรักษาสิทธิ เสรีภาพ ความปลอดภัยของประชาชนให้ได้มากที่สุดตามเจตนารมณ์

นายอนุทินกล่าวต่อว่า ส่วนข้อกังวลเรื่องการใช้กัญชาในเด็ก เยาวชน และพื้นที่สาธารณะ ขณะนี้ประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดกลิ่นและควันกัญชาเป็นเหตุรำคาญ ลงในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งจะช่วยควบคุมการใช้ในพื้นที่สาธารณะ ดังนั้น โรงเรียน มหาวิทยาลัย ซึ่งเข้าข่ายเป็นพื้นที่สาธารณะไม่จำเป็นต้องออกประกาศเพิ่มเติม นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างการประชุมร่วมกับอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ เพื่อพิจารณาออกแนวทางการควบคุมเพื่อคลายความกังวลในส่วนนี้ โดยจะออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 กำหนดกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม ซึ่งจะกำหนดอายุ กลุ่มคน และสถานที่ในการใช้ เช่น ผู้ที่จะเข้าถึงกัญชาได้ต้องมีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป ไม่ใช่สตรีตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เป็นต้น โดยหลังจากนำเสนอปลัดกระทรวงสาธารณสุขแล้ว จะยกร่างเพื่อเสนอให้ตนพิจารณาลงนามโดยเร็วที่สุด เชื่อว่าจะช่วยควบคุมระหว่างยังไม่มีกฎหมายกัญชาออกมาได้

คลิปอีจันแนะนำ
หาดใหญ่ ระทึก สาวกระโดดขึ้นรถหักที่ปัดน้ำฝน