อัจฉริยะเผย ศูนย์บำบัดวัดท่าพุ มีการเรียกรับเงินทอน อุดหนุนจากภาครัฐ?

แฉไม่หยุด! อัจฉริยะลงพื้นที่ศูนย์บำบัดวัดท่าพุ เผยมีการเรียกรับเงินทอน งบอุดหนุนจากภาครัฐ เตรียมแจ้งความดำเนินคดี?

จากเรื่องราวโจ๋งครึ่มหมอปลา มือปราบสัมภเวสี ออกมาแฉวัดท่าพุราษฎร์บำรุง อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเปิดเป็นศูนย์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด คิดค่าบำบัด 10,000 บาท อยากให้ออกต้องมีเงินมาจ่ายไม่งั้นไม่ให้ออก คน 200 กว่าคน แออัดอยู่ข้างในที่มีห้องน้ำ 2 ห้อง จนมีคนตาย 3 ศพ พร้อมตั้งชื่อว่าที่นี่คือ นรกบนดิน เเละมีการย้ายสถานที่เเละเเถการกระทำกันอีกมากมาย

ผปค.แห่รับลูกหลาน ออกจากศูนย์บำบัดยาเสพติด หลังถูกเเฉเละเทะ

ล่าสุดวันนี้ 28 กันยายน 2564 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมทีมงาน เดินทางลงพื้นที่สถานีตำรวจภูธรด่านมะขามเตี้ย อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อสอบถามข้อมูลความคืบหน้า กรณี ศูนย์บำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดวัดท่าพุราษฏร์บำรุง โดยมีพันตำรวจเอกอภิชาติ ศรีทองกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พันตำรวจเอกอัฑฒาสิษฎฐ์ พุ่มเกตุแก้ว ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรด่านมะขามเตี้ย คอยให้ข้อมูล ภายหลังจากที่นายอัจฉริยะ ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่มีความใกล้ชิดกับอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าพุราษฏร์บำรุง ที่มรณภาพไปแล้ว ว่า ที่ผ่านมา ทางศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดวัดท่าพุราษฏร์บำรุง เคยเป็นศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดที่มีชื่อเสียง มีประสิทธิภาพในการสามารถบำบัดผู้ติดยาเสพติด ให้กลับเป็นคนดีของสังคมได้ ก่อนที่ในปัจจุบันจะกลายเป็นข่าวดัง กรณี ที่ทางศูนย์บำบัด มีการกักขัง ผู้บำบัดจำนวนกว่าสองร้อยคน เอาไว้ภายในเรือนนอนหลังเดียวซึ่งมีความแออัด จึงเป็นเหตุทำให้ผู้บำบัดป่วยเป็นโรคผิวหนัง

กระทั่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีต้องมีคำสั่งย้ายผู้บำบัดทั้งหมดออกจากศูนย์ไปอยู่ที่โรงพยาบาลสนามภายในค่ายฝึกนักศึกษาวิชาทหารเขาชนไก่ ก่อนจะมีผู้ปกครองของผู้บำบัด ทยอยเดินทางมารับตัวผู้บำบัดกลับไปอยู่ในความดูแลของทางบ้าน ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็ไปอยู่ในความดูแลของที่บ้านหมอปลาในจังหวัดเพชรบุรี

โดยหลังจากเสร็จสิ้นการสอบถามข้อมูล การสอบสวนของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรด่านมะขามเตี้ยเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายอัจฉริยะ พร้อมทีมงานได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่วัดท่าพุราษฏร์บำรุง ไปพูดคุย กลับกะเลขาผู้ดูแลศูนย์บำบัด รวมถึงคนขับรถคนสนิทของอดีตเจ้าอาวาสที่มรณภาพไปแล้ว เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเงินสนับสนุน ที่ทางศูนย์บำบัดได้รับการสนับสนุนจากส่วนราชการ โดยพระเลขาผู้ดูแลศูนย์บำบัดได้นำเอาเอกสาร การรับเงินสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ รวมถึงสมุดบัญชีเงินฝากของทางศูนย์บำบัด ที่ทางศูนย์บำบัดใช้รับเงินสนับสนุนจากทางราชการ มาให้กับนายอัจฉริยะได้ตรวจสอบ ภายหลังได้ทำการพูดคุยและตรวจสอบเอกสารรวมถึงสมุดบัญชีต่างๆเป็นเวลานานกว่า 30 นาที นายอัจฉริยะ ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า ตนเองได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวซึ่งมีความสนิทสนมกับอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าพุราษฏร์บำรุง ที่มรณภาพไปแล้วว่า เงินสนับสนุน ที่ทางศูนย์บำบัดได้รับจากส่วนราชการนั้น ไม่เคยได้รับเต็มจำนวน และมักจะถูกหักเงินทอนไปมากกว่า 60 ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นเหตุทำให้ทางวัดไม่สามารถนำเงินสนับสนุนดังกล่าวมาใช้ในการพัฒนาศูนย์บำบัด ให้มีความเหมาะสมและเพียงพอต่อการรองรับผู้บำบัดที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหลังจากการตรวจสอบเอกสารและสมุดบัญชีเงินฝากของทางวัด พบความผิดปกติหลายอย่าง เช่น การพิจารณาให้เงินสนับสนุนกับทางศูนย์บำบัด โดยในปี 2563 ระบุจำนวนของผู้เข้ารับการบำบัดภายในศูนย์ เพียง 50 คน และในปี 2564 มีการระบุจำนวนผู้เข้ารับการบำบัดภายในศูนย์เพียง 60 คน

ซึ่งแตกต่างจากความเป็นจริงซึ่งมีผู้เข้ารับการบำบัดเกือบ 300 คนมาก อีกทั้ง การเบิกจ่ายเงินในบัญชี ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากทางราชการ มาเพียง 1 วันก็มีการเบิกเงินออกไปทันทีครึ่งหนึ่ง และคล้อยหลังอีกไม่ถึง 1 เดือนก็มีการถอนเงินที่ได้รับการสนับสนุนออกจากบัญชีของทางวัดไปจนหมด ซึ่งเชื่อว่า การเบิกเงินดังกล่าวน่าจะเป็นการนำเงินไปทอนให้กับส่วนราชการ ที่เรียกรับเงินทอน จากเงินสนับสนุนที่มอบให้กับทางศูนย์บำบัดของทางวัด ซึ่งในเรื่องนี้ น่าจะเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ ศูนย์บำบัดวัดท่าพุราษฏร์บำรุง ไม่ได้พัฒนาสิ่งก่อสร้าง สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้มีความพร้อมและเพียงพอที่จะรองรับต่อจำนวนผู้เข้ารับการบำบัดที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ นายอัจฉริยะจะได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับหน่วยงานที่เชื่อว่าเรียกรับเงินทอนจากทางศูนย์บำบัดของวัดท่าพุราษฏร์บำรุงต่อไป

คลิปอีจันแนะนำ
เปิดหมดใจ! อดีตผู้บำบัดยาเสพติด ในวัดดังแห่งหนึ่ง