เปิดประวัติพระเกจิ ” หลวงปู่แสง ญาณวโร ” แห่ง วัดป่าดงสว่างธรรม

เปิดประวัติ พระเกจิดังของภาคอีสาน ” หลวงปู่แสง ญาณวโร ” แห่งวัดป่าดงสว่างธรรม เป็นที่เคารพศรัทธาของผู้คนในจังหวัดยโสธร

หลวงปูแสงแห่งวัดป่าดงสว่างธรรม

เดิมชื่อ นายแสงดี ดีหอม เกิดวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2467 ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบันอายุเกือบ100 ปี

ท่านอุปสมบทเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2490 ณ วัดศรีจันทร์ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งหลังจากนั้น ท่านได้ออกจำพรรษา และวิเวกธุดงค์ ไปในสถานที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทย ลาว และเมียนมาร์ ตลอดจนศึกษาหลักธรรมกับ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ณ วัดป่าบ้านหนองผือ จังหวัดสกลนคร และหลังจากการออกธุดงค์ รวมถึงศึกษาธรรมะมาอย่างยาวนาน หลวงปู่แสงญาณวโร ก็ได้มาจำพรรษาอยู่ที่ วัดป่าดงสว่างธรรม จังหวัดยโสธร จวบจนปัจจุบัน

ประวัติการจำพรรษา

– วิเวกธุดงค์และไปมาหาสู่กับพระรูปต่างๆ

– ศึกษาหลักธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าบ้านหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

(ช่วงบั้นปลายของท่านอาจารย์มั่นที่อยู่บ้านหนองผือ)

– หลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถ้ำผาปู่ จ. เลย (พ.ศ.2494-2496)

– พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร – ได้ร่วมสร้างวัดถ้ำขาม (พ.ศ. 2497)

– หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย (1 พรรษา)

– หลวงปู่บัว สิริปุณโณ วัดราษฎร์สงเคราะห์ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี (20 พรรษา)

– พระอาจารย์แบน ธนากโร – ได้ร่วมสร้างกุฏิศาลาที่วัดธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร

– หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์

– หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี – ได้ร่วมธุดงค์ที่ภูวัว

– หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

– หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย

– หลวงปู่ศรี มหาวีโร – ได้วิเวกธุดงค์ที่ภูเกล้า ภูเวียง จ.ขอนแก่น

– หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย – ได้วิเวกธุดงค์ด้วยกันที่วัดดอยหินหมากเป้ง

– หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร วัดป่านาสีดา จ.อุดรธานี – ได้วิเวกธุดงค์ด้วยกันที่ อ.ผือ อ.สามพราน และ อ.น้ำโสม

– พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ, พระอาจารย์วัน อุตตะโม หลวงปู่หล้า เขมปัตโต และพระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร – ได้วิเวก

ธุดงค์ร่วมกันที่ถ้ำสาลิกา ภูสิงห์ ภูทอง ภูพานคำ และ ภูทอก ฯลฯ

– หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร วัดป่าวังเลิง จ.มหาสารคาม – ได้จำพรรษาด้วยกัน (พ.ศ. 2532 – 2533)

– ตั้งแต่ พ.ศ. 2534 – 31 ธันวาคม 2551 จำพรรษา ที่วัดป่าอรัญญาวิเวก บ้านไก่คำ จ.อำนาจเจริญ

– 31 ธันวาคม 2551 – 11 ตุลาคม 2552 จำพรรษาที่วัดป่าอิสิปตนมฤคทายวัน (เสนาสนป่าโคกค่าย)

บ้านหนองไฮน้อย ต.หนองข่า อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ

– 11 ตุลาคม 2552 จำพรรษาที่วัดป่านาเกิ้งญาณวโร บ้านนาเกิ้ง อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ

– 21 พฤศจิกายน 2553 จำพรรษาที่วัดป่ามโนรมย์สมประสงค์ (สำนักสงฆ์ภูทิดสา)

บ้านห้วยฆ้อง ตำบลหนองข่า อำเภอ ปทุมราชวงศา จัดหวัด อำนาจเจริญ

– 3 พฤศจิกายน 2556 ปัจจุบัน สำนักสงฆ์บ้านเวินชัย อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร

เดิมทีแล้ว หลวงปู่แสง ญาณวโร มีฉายาแรกเริ่มว่า “จันดะโชโต” ซึ่งมีความหมายว่า ผู้ที่รุ่งเรือง แต่ในระหว่างการเดินทางไปธุดงค์ที่อุดรธานี ได้เกิดเหตุเรือคว่ำ ทำให้สูจิบัตรที่อยู่ในบาตรของท่านลอยหายไปกับน้ำ เมื่อไปแจ้งทำสูจิบัตรใหม่ เจ้าหน้าที่ได้พิมพ์ฉายาให้ท่านผิด จากเดิม จันดะโชโต เป็นคำว่า ญาณวโร ทำให้ท่านใช้ชื่อนี้มาตั้งแต่ตอนนั้น จนกระทั่งในช่วงปี 2557 ท่านได้ให้เจ้าอาวาสวัดป่าวังเลิง ดำเนินเรื่องการเปลี่ยนฉายากลับมาเป็น จันดะโชโต ให้อีกครั้ง แต่ชื่อเสียงของฉายา ญาณวโร ก็ดูจะเป็นที่จดจำของชาวบ้านเสมอมา

และวันที่ 11 พฤษภาคม 2566

นพ.สมฤทธิ์ เวียงสมุทร รองผู้อำนวยการ รพ.หัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ ได้โพสต์แจ้งให้ ลูกศิษย์ได้ทราบข่าว หลวงปู่แสงอาพาธ มีอาการ เหนื่อย อ่อนเพลีย สับสน กระสับกระส่าย ปวดศรีษะ และอาเจียน ประสานเข้ารักษาตัวที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์

จากการตรวจร่างกายพบว่า หลวงปู่แสง มีการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ

ก่อนจะมีอาการทรุดลง

จนกระทั่ง วันที่ 19 มิถุนายน 2566 ลูกศิษย์ได้แจ้งข่าวผ่านเพจ ว่า

หลวงปู่แสงละสังขาลสู่แดนนิพพาน เมื่อเวลา เวลา 19.13 น. ในวัย 99 ปี

โอวาทธรรม ที่โดดเด่น

“ได้เกิดมาอัตภาพนี้ บ่บ้าใบ้เสียจริตผิดมนุษย์ ให้ตั้งใจทำความดี ให้เป็นหน้าเป็นตาพ่อแม่ สมกับที่ร่างกายนี้พ่อแม่ให้มา ให้คนเขาได้ย่อง ว่าลูกพ่อนั่นแม่นี่”

“เห็นบ่ว่ามันทุกข์ส่ำได๋ เกิดมามันทุกข์ อย่าสุอยากพากันมาเกิดหลาย”

“พากันคิดบ่จะตายมื้อได๋ มัวหลงโลกอยู่เด้อ ให้รีบสร้างความดีเข้า จะได้เป็นที่พึ่งได้ จนที่สุดบ่ต้องมาเกิดอีก”

“เขาว่าให้เฮา เฮาบ่ไปรับเอา แนวบ่ดีมันกะตกอยู่นำผู้นั้น เฮากะฮู้อุเบกขาอยู่ วางเฉยบ่ยินดีนำเขาว่า รู้แล้วกะวาง บ่หลงไปนำคำคน ไผเฮ็ดแนวได๋กะได้แนวนั้น ความดีความชั่วโตเฮาทำเอง บ่มีไผมาให้ดีให้ชั่วเฮาได้ เฮาสิดีกะย่อนเฮาทำดี เฮาสิชั่วกะย่อนเฮาทำชั่ว บ่มีไผมาเฮ็ดดี เฮ็ดชั่ว ให้เฮาได้สรรเสริญ นินทามันเป็นธรรมประจำโลก อย่าไปหลงนำมัน คั่นไปหลงนำมัน มันกะเดือดร้อน ไปรับเอาฟืนเอาไฟมาเผาใจเจ้าของ เป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมา ฮู้จักอุเบกขา วางเฉย ใจมันกะร่มเย็น”

“ให้เอาชนะกิเลสตัวเอง อย่าไปเอาชนะกิเลสคนอื่น ชนะกิเลสในใจตนได้แล้ว ขี้นชื่อว่าชนะทุกสิ่งในโลกนี้ กิเลสอยู่ขอบฟ้ามหาสมุทรไหนก็ชนะทั้งหมด ถ้าเราชนะตัวเราแล้ว”

“มีแต่คนแตกกันซวดๆพากันมาเกิดมาตายหลายโพด คนทุกคนที่มานี่มีจิตมีใจกันเบิดทุกคนเด้อ ผู้หญิงก็มีใจ ผู้ชายก็มีใจ คนเฒ่าคนแก่ก็มีใจ พระเณรก็มีใจ อันได๋ ๆกะว่าลงอยู่ใจนี่เด้อ ดีชั่วกะอยู่ใจเด้อ สะอาดกะอยู่ใจนี่ สกปรกกะอยู่ใจนี่ ถ้าใจมันสกปรกกะให้ชำระซักฟอกมันออก ให้มันสะอาดขึ้นมา เอาธรรมะเป็นเครื่องชำระซักฟอก ให้มีศีล ให้มีสมาธิ ให้มันเกิดสติ ให้มีปัญญากำกับรักษาใจ ให้มีสติปัญญากำกับรักษาใจไปตลอด เฮ็ดขึ้นทำขึ้นภายในใจเจ้าของ ใจนี่พาเกิดพาตายมานนานแล้ว”

คลิปอีจันแนะนำ
ผบ.ตร. แจงเดือด! คดีแตงโม