วิกฤติครูไทย! “ภาระงานท่วม” สะท้อนปมลึก “ครูมัท”

คนที่ไม่โดนคงไม่รู้สึก! โซเชียลร่วมสะท้อนบทเรียนต่อช่องโหว่ของวิชาชีพครู ที่มีภาระการเงิน-พัสดุ มากกว่าหน้าที่หลัก “สอน” จนเกิดความเครียดสะสม

บางครั้ง..คนที่ไม่ได้เผชิญปัญหาด้วยตัวเอง อาจไม่เข้าใจว่ามันหนักหนาแค่ไหน ?

จากกรณีครูสาววัย 39 ปี โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง พร้อมทิ้งจดหมายลาโลก ที่ระบุถึงความอึดอัดใจ ต่อการบริหารของโรงเรียนที่ไม่มีระบบ กระบวนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากจะรับผิดชอบหน้าที่สอนภาษาอังกฤษ กลับต้องรับผิดชอบการเงิน – พัสดุ พร้อมฝากถึงกระทรวงศึกษาธิการ ให้พิจารณาตรวจสอบการดำเนินการข้างต้น

วันนี้ (17 มิ.ย. 68) “อีจัน” ได้รวบรวมบทความจากโซเชียล ที่สะท้อนถึงช่องโหว่ทางการศึกษาของวิชาชีพครู ต่อประเด็นการเสียชีวิตของ “ครูมัท” โดยเริ่มต้นจากเฟซบุ๊ก “ครูหมี” ที่ตั้งคำถามถึงภาระงานอันหนักหน่วง ที่ทำให้ครูธุรการต้องหายไปจากสารบบ ระบุว่า

จากครูท่านหนึ่งฝากมาครับ “ครูธุรการตายไปกี่คนแล้ว…ใครจำได้บ้าง?”

หลายสิบปีที่ผ่านมา เราสูญเสียเพื่อนครูที่เครียดจากภาระงานไม่ใช่น้อย…บางคนล้มป่วย บางคนลาออก บางคนสิ้นใจ แต่สุดท้าย…ก็ถูกลืม เหมือนไม่เคยมีอยู่ในระบบ

ในอดีต เราเคยมี “ครูธุรการ-ครูพัสดุ” ที่บรรจุในตำแหน่ง ครู1-2

แต่วันนี้…หายหมด เพราะไม่มีทางเติบโตในสายงาน ต้องดิ้นรนเปลี่ยนสายเป็น “ครูผู้สอน” เท่านั้น ถึงจะได้เลื่อนวิทยฐานะ ถึงจะมีอนาคต เพราะในระบบนี้ “คนที่โตได้” มีแค่ครูผู้สอน ส่วนคนที่ทำบัญชี ทำพัสดุ วิ่งหงุดๆ กับเอกสารราชการ — เป็นแค่ “ตัวประกอบ” ที่ไม่มีใครเห็น

ตอนปฏิรูปการศึกษา มีการพูดถึง “ข้าราชการครูสายสนับสนุน” ดีครับ…แต่มีแค่ในสำนักงานเขต

ส่วนในโรงเรียนที่มีงานธุรการกองอยู่เต็มโต๊ะ? ไม่มีใครพูดถึง ไม่มีตำแหน่งให้ ไม่มีโอกาสให้ ไม่มีความก้าวหน้าให้

แล้วจะบรรจุสายสนับสนุนใหม่ โดยโยนเข้าระบบข้าราชการพลเรือน?

…อย่าทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแบบที่เคยเกิดกับข้าราชการใน สปช. ไม่มีเส้นทาง ไม่มีการเติบโต

มีแค่คำว่า “อดทนไปก่อนนะ” จนวันสุดท้ายของชีวิตราชการ

หรือถ้าไม่คิดจะทำให้จริงจัง ก็ให้ ผอ. กับรองฯ ที่ไม่มีชั่วโมงสอน รับหน้าที่ทำธุรการแทนเลยสิ

จะได้ไม่ต้องโยนภาระให้คนที่ไม่มีแม้แต่เก้าอี้ประจำ หยุดใช้คำว่าทีมงาน ถ้ายังไม่คิดให้เกียรติเขาเท่ากัน

หยุดเรียกเขาว่า “คนช่วยงาน” ถ้าระบบยังไม่คิดช่วยเขาเลย

เช่นเดียวกับ เฟซบุ๊ก “ครูอินดี้” ที่กล่าวเปรียบเทียบระหว่างผลตอบแทนของวิชาชีพครู ที่ต้องควบคู่กับการจัดการบัญชี-พัสดุ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ภาระงานท่วมหัว และส่งผลกระทบต่อความเครียดระยะยาว ระบุว่า

ครูเงินเดือนเริ่มที่ 18,220 บาท / เจ้าหน้าที่บัญชีเงินเดือนเริ่มต้นที่ 15,000 บาท / เจ้าหน้าที่พัสดุเงินเดือนเริ่มต้นที่ 15,000 บาท

ถ้าเอาทั้ง 2 ตำแหน่ง ระหว่าง ครู+การเงินมารวมกัน เงินเดือนจะอยู่ที่เริ่มต้น 33,220 บาท

แต่ที่เป็นอยู่คือครูทำงานแบบทั้ง 2 ใน 1 (ไม่รวมงานนอกอื่น ๆ) ครูรับที่เริ่มต้น 18,220 บาท

ใช้ครูคุ้มมากครับ ภาระงาน+ความเครียดควรมาจากความยินดีของผู้รับและผลตอบแทนที่ดีต่อความเครียดที่ได้รับ

และรวมไปถึง ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์แสดงความเห็น ถึงการเปลี่ยนแปลงวงจรวิชาชีพครู ด้วยการคืนงานให้กับครู ระบุว่า

ความตายของครูการเงิน พัสดุฯ คนหนึ่ง จะมีน้ำหนักเพียงพอ ให้เพื่อนครูร่วมวิชาชีพและสังคมวงกว้าง

ตื่นตัว ร่วมกันส่งเสียง ต่อรอง เรียกร้องระบบบริหารงานที่ดีกว่าเดิม การดูแลสุขภาวะในการทำงานที่ดีกว่าเดิม

กระทั่งเรื่องพื้นฐานที่สุด ให้ครูได้ทำหน้าที่หลักของครู นั่นคือการสอน การดูแลนักเรียน

ไม่ใช่งานธุรการ การเงิน พัสดุ เอกสาร ฯลฯ ที่เบียดบังเวลาการเตรียมการสอน และการสอนได้หรือไม่

แล้วทุกคนคิดเห็นอย่างไร ? ถึงเวลาต้องปฏิวัติระบบครูไทยแล้วหรือยัง..