เปิดประวัติ อดีตพระยันตระ หลังลี้ภัยไปสหรัฐอเมริกา นาน 20 ปี

พระยันตระ อดีตพระสงฆ์ผู้โด่งดังในไทย ทำไม เป็นที่สนใจ และต้อง ลี้ภัยไปสหรัฐอเมริกา นาน 20 ปี อีจัน มีคำตอบ

พระยันตระ ชื่อนี้ หลายคนคงคุ้นหู หรืออาจจะรู้จักเป็นอย่างดี จากคดีในอดีต

และล่าสุด ชื่อนี้ กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง

เมื่อ อดีตพระยันตระ (ซึ่งเป็น สมญานาม ที่หลายคนเข้าใจ) กลับไทย เพื่อมาฉลองวันเกิดครบ 70 ปี

พร้อมยืนยันว่า ตนเองยังเป็นพระอยู่ เพราะยังไม่ได้สละสมณะเพศ ไม่ได้กล่าวลาสิกขา

จึงเป็นข้อครหาของชาวพุทธ ถึงสิ่งที่อดีตพระยันตระ อ้าง

อดีตพระยันตระ อ้างยังไม่ได้สละสมณะเพศ หลังมีภาพ พส.-ปชช. แห่กราบไหว้

ทำไม สังคมถึงสนใจ อดีตพระยันตระ มากขนาดนี้!

อีจัน จะพาทุกคนมาย้อนประวัติของ อดีตพระยันตระ กันค่ะ ว่าเขาเป็นใคร ทำไมเหล่า พระสงฆ์ แม่ชี ประชาชน ถึงยังคงกราบไหว้ทั้งๆที่หลายคนเข้าใจว่า เขาคือ อดีตพระสงฆ์

พระยันตระ อมโรภิกขุ (พระวินัย อมโร) หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ เป็นอดีตภิกษุชื่อดัง ชาว จ. นครศรีธรรมราช

อุปสมบทเป็นภิกษุในธรรมยุติกนิกาย เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2517 ณ พัทธสีมา วัดรัตนาราม อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช

พระวินัย เมื่ออุปสมบทมักใช้คำแทนตัวว่า “พระยันตระ” ซึ่งแปลว่าผู้ไกลจากกิเลส มีผู้ศรัทธาบวชเพื่อเข้าเป็นลูกศิษย์มากมาย นอกจากนี้ยังมีผู้ศรัทธาสร้างสำนักวัดถวายเขาหลายแห่ง ถือเป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในยุคนั้น มีการตีพิมพ์เผยแพร่คำสอนรวมถึงได้รับนิมนต์ไปเทศนายังที่ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ คำสอนของเขาเน้นแนวทางปฏิบัติกรรมฐานซึ่งได้รับการยอมรับจากนักวิชาการศาสนาว่าถูกต้องกับพระไตรปิฎก

อย่างไรก็ดี ในปี 2537 เขาได้ถูกฟ้องหลายข้อหาและถูกตั้งอธิกรณ์ว่า “ล่วงละเมิดเมถุนธรรมปาราชิกาบัติ” อันเป็นหนึ่งในจตุตถปาราชิกาบัติ ที่ทำให้ขาดจากความเป็นพระภิกษุตามพระวินัยบัญญัติ โดยมีการต่อสู้ด้วยพยานหลักฐานมากมายตามสื่อต่าง ๆ เป็นข่าวโด่งดังในสมัยนั้น

โดยมีสีกากลุ่มหนึ่งยื่นหนังสือร้องเรียน ต่อสมเด็จพระสังฆราชฯ และอธิบดีกรมการศาสนาว่า

นายวินัย ละอองสุวรรณ เดินทางไปเทศนาที่ทวีปยุโรป ระหว่างลงเรือเดินสมุทร ไม่สำรวมและมีความไม่เหมาะสมกับสมณเพศต่อสุภาพสตรี มีเทปบันทึกการสนทนาหนึ่งในสีกาที่ร้องเรียนว่า นายวินัย ล่อลวงเสพเมถุน, มีเอกสารของหม่อม ท่านหนึ่งที่เป็น อดีตโยมอุปัฏฐาก คนสำคัญที่กล่าวถึงพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมต่อความเป็นพระสงฆ์ ในขณะเดินทางไปต่างประเทศ และมีหลักฐานการลอกเลียนบทกวีของ ดร. ท่านหนึ่ง

ทั้งยังมีการนำเด็กหญิงซึ่งอ้างว่าเป็นบุตรสาวของสีกาที่ร้องเรียนมาแสดงตัว พร้อมกับนำภาพถ่ายการใช้ชีวิตเยี่ยงสามีภรรยามาเปิดเผย มีการท้าให้ตรวจดีเอ็นเอ มีการเปิดเผยสลิปบัตรเครดิต ที่มีโยมอุปัฏฐากบริจาคให้ ซึ่งถูกนำไปใช้ในสถานบริการทางเพศ ในประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวมทั้งหลักฐานการเปิดโรงแรมและเช่ารถร่วมกับสตรีเพียงสองต่อสอง

ซึ่งข้อมูล ทั้งหมดนี้คือข้อมูลที่มีการแอบอ้างว่า เป็นการกระทำของ นายวินัย

ทั้งมีข้อกล่าวหาที่ได้รับการเผยแพร่ออกมาว่า มีเพศสัมพันธ์กับสตรี บนดาดฟ้าเรือเดินสมุทร ระหว่างทางจากประเทศสวีเดนไปยังประเทศฟินแลนด์, จับต้องกายสตรีด้วยความกำหนัด ณ กุฏิริมน้ำ วัดป่าสุญญตาราม ประเทศออสเตรเลีย, เข้าไปหาสตรีในรถตู้ของเธอบนท้องถนนกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย, ร่วมหลับนอนกับสตรี และพร่ำพูดถึงความรักทางโทรศัพท์ (มีหลักฐานเป็นเทปบันทึกเสียง)

จนในที่สุดเขาได้ถูกมติมหาเถรสมาคมพิจารณาอธิกรณ์

ปรับให้เขาพ้นจากความเป็นพระภิกษุ เพราะพิจารณาได้ความว่าเขาต้องอาบัติหนักดังที่ถูกฟ้องร้อง

แต่นายวินัย ไม่ยอมรับมติสงฆ์ดังกล่าว ด้วยการปฏิญาณตนว่ายังเป็นพระภิกษุ และเปลี่ยนสีจีวรเป็นสีเขียว

ทำให้ถูกสื่อต่าง ๆ ขนานนามว่า จิ้งเขียว, สมียันดะ, ยันดะ เป็นต้น

ก่อนที่นายวินัยจะ เดินทางออกจากประเทศไทย ไปอยู่ในสหรัฐอเมริกา และได้รับสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง

และเดินทางกลับมาประเทศไทยเพื่อแสดงทำเทศนาเนื่องในวันครบรอบวันเกิด 70 ปีจนเป็นที่ฮือฮากันอีกครั้ง

เรื่องราวของอดีตพระยันตระ พระยันตระ หรือ นายวินัย จะเป็นอย่างไรต่อไป และทางสำนักพุทธศาสนา จะดำเนินการต่อไปอย่างไรกับเหตุนี้ คงต้องติดตามกันต่อ

อีจันเองก็จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด แล้วจะนำมาอัพเดทให้ได้ทราบกันต่อไปนะคะ

คลิปแนะนำอีจัน
นิทานอีจัน 8 ขวบ เหยื่อ พ่อเลี้ยงเหี้ย(ม)