พระยันตระ ชื่อนี้ หลายคนคงคุ้นหู หรืออาจจะรู้จักเป็นอย่างดี จากคดีในอดีต
และล่าสุด ชื่อนี้ กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง
เมื่อ อดีตพระยันตระ (ซึ่งเป็น สมญานาม ที่หลายคนเข้าใจ) กลับไทย เพื่อมาฉลองวันเกิดครบ 70 ปี
พร้อมยืนยันว่า ตนเองยังเป็นพระอยู่ เพราะยังไม่ได้สละสมณะเพศ ไม่ได้กล่าวลาสิกขา
จึงเป็นข้อครหาของชาวพุทธ ถึงสิ่งที่อดีตพระยันตระ อ้าง
อดีตพระยันตระ อ้างยังไม่ได้สละสมณะเพศ หลังมีภาพ พส.-ปชช. แห่กราบไหว้ทำไม สังคมถึงสนใจ อดีตพระยันตระ มากขนาดนี้!
อีจัน จะพาทุกคนมาย้อนประวัติของ อดีตพระยันตระ กันค่ะ ว่าเขาเป็นใคร ทำไมเหล่า พระสงฆ์ แม่ชี ประชาชน ถึงยังคงกราบไหว้ทั้งๆที่หลายคนเข้าใจว่า เขาคือ อดีตพระสงฆ์
พระยันตระ อมโรภิกขุ (พระวินัย อมโร) หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ เป็นอดีตภิกษุชื่อดัง ชาว จ. นครศรีธรรมราช
อุปสมบทเป็นภิกษุในธรรมยุติกนิกาย เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2517 ณ พัทธสีมา วัดรัตนาราม อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช
พระวินัย เมื่ออุปสมบทมักใช้คำแทนตัวว่า “พระยันตระ” ซึ่งแปลว่าผู้ไกลจากกิเลส มีผู้ศรัทธาบวชเพื่อเข้าเป็นลูกศิษย์มากมาย นอกจากนี้ยังมีผู้ศรัทธาสร้างสำนักวัดถวายเขาหลายแห่ง ถือเป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในยุคนั้น มีการตีพิมพ์เผยแพร่คำสอนรวมถึงได้รับนิมนต์ไปเทศนายังที่ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ คำสอนของเขาเน้นแนวทางปฏิบัติกรรมฐานซึ่งได้รับการยอมรับจากนักวิชาการศาสนาว่าถูกต้องกับพระไตรปิฎก
อย่างไรก็ดี ในปี 2537 เขาได้ถูกฟ้องหลายข้อหาและถูกตั้งอธิกรณ์ว่า “ล่วงละเมิดเมถุนธรรมปาราชิกาบัติ” อันเป็นหนึ่งในจตุตถปาราชิกาบัติ ที่ทำให้ขาดจากความเป็นพระภิกษุตามพระวินัยบัญญัติ โดยมีการต่อสู้ด้วยพยานหลักฐานมากมายตามสื่อต่าง ๆ เป็นข่าวโด่งดังในสมัยนั้น
โดยมีสีกากลุ่มหนึ่งยื่นหนังสือร้องเรียน ต่อสมเด็จพระสังฆราชฯ และอธิบดีกรมการศาสนาว่า
นายวินัย ละอองสุวรรณ เดินทางไปเทศนาที่ทวีปยุโรป ระหว่างลงเรือเดินสมุทร ไม่สำรวมและมีความไม่เหมาะสมกับสมณเพศต่อสุภาพสตรี มีเทปบันทึกการสนทนาหนึ่งในสีกาที่ร้องเรียนว่า นายวินัย ล่อลวงเสพเมถุน, มีเอกสารของหม่อม ท่านหนึ่งที่เป็น อดีตโยมอุปัฏฐาก คนสำคัญที่กล่าวถึงพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมต่อความเป็นพระสงฆ์ ในขณะเดินทางไปต่างประเทศ และมีหลักฐานการลอกเลียนบทกวีของ ดร. ท่านหนึ่ง
ทั้งยังมีการนำเด็กหญิงซึ่งอ้างว่าเป็นบุตรสาวของสีกาที่ร้องเรียนมาแสดงตัว พร้อมกับนำภาพถ่ายการใช้ชีวิตเยี่ยงสามีภรรยามาเปิดเผย มีการท้าให้ตรวจดีเอ็นเอ มีการเปิดเผยสลิปบัตรเครดิต ที่มีโยมอุปัฏฐากบริจาคให้ ซึ่งถูกนำไปใช้ในสถานบริการทางเพศ ในประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวมทั้งหลักฐานการเปิดโรงแรมและเช่ารถร่วมกับสตรีเพียงสองต่อสอง
ซึ่งข้อมูล ทั้งหมดนี้คือข้อมูลที่มีการแอบอ้างว่า เป็นการกระทำของ นายวินัย
ทั้งมีข้อกล่าวหาที่ได้รับการเผยแพร่ออกมาว่า มีเพศสัมพันธ์กับสตรี บนดาดฟ้าเรือเดินสมุทร ระหว่างทางจากประเทศสวีเดนไปยังประเทศฟินแลนด์, จับต้องกายสตรีด้วยความกำหนัด ณ กุฏิริมน้ำ วัดป่าสุญญตาราม ประเทศออสเตรเลีย, เข้าไปหาสตรีในรถตู้ของเธอบนท้องถนนกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย, ร่วมหลับนอนกับสตรี และพร่ำพูดถึงความรักทางโทรศัพท์ (มีหลักฐานเป็นเทปบันทึกเสียง)
จนในที่สุดเขาได้ถูกมติมหาเถรสมาคมพิจารณาอธิกรณ์
ปรับให้เขาพ้นจากความเป็นพระภิกษุ เพราะพิจารณาได้ความว่าเขาต้องอาบัติหนักดังที่ถูกฟ้องร้อง
แต่นายวินัย ไม่ยอมรับมติสงฆ์ดังกล่าว ด้วยการปฏิญาณตนว่ายังเป็นพระภิกษุ และเปลี่ยนสีจีวรเป็นสีเขียว
ทำให้ถูกสื่อต่าง ๆ ขนานนามว่า จิ้งเขียว, สมียันดะ, ยันดะ เป็นต้น
ก่อนที่นายวินัยจะ เดินทางออกจากประเทศไทย ไปอยู่ในสหรัฐอเมริกา และได้รับสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง
และเดินทางกลับมาประเทศไทยเพื่อแสดงทำเทศนาเนื่องในวันครบรอบวันเกิด 70 ปีจนเป็นที่ฮือฮากันอีกครั้ง
เรื่องราวของอดีตพระยันตระ พระยันตระ หรือ นายวินัย จะเป็นอย่างไรต่อไป และทางสำนักพุทธศาสนา จะดำเนินการต่อไปอย่างไรกับเหตุนี้ คงต้องติดตามกันต่อ
อีจันเองก็จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด แล้วจะนำมาอัพเดทให้ได้ทราบกันต่อไปนะคะ