เฮียธนากร เสือ เจ้าป่าห้วยขาแข้ง ไว้ลายการจากไปอย่างยิ่งใหญ่

ย้อนอ่านเรื่องราว ตลอด 6 ปี ของ เฮียธนากร เจ้าป่าห้วยขาแข้ง ที่บั้นปลายสุดท้าย ยังคงไว้ลาย จากไปได้สมกับความเป็น เสือ แม้ตอนมีชีวิตจำต้องลาจากบ้านเกิด แต่วาระสุดท้าย ขอกลับไปตายที่เก่า

บันทึกสุดท้าย ถึง เฮียธนา เจ้าป่าห้วยขาแข้ง

เฮียธนา เจ้าป่าขาแข้ง เสือหล่อ เสือสายเปย์ เสือไร้บ้าน หลายคนรู้จักเฮียธนาจากหลายๆ ชื่อ และหลายเรื่องเล่า จนกลายมาเป็นแฟนคลับตามติดชีวิตของเฮีย แม้ตอนนี้เฮียธนาจะจากไปแล้ว แต่เรื่องราวของเฮียนั้นจะอยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดไป

วันนี้ (31 มี.ค. 65) อีจันจะพาทุกคนไปย้อนอ่านเรื่องราวของ “ธนากร” หรือ “เฮียธนา” เจ้าป่าห้วยขาแข้งกันค่ะ

6 ปีของธนากร ที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่าห้วยขาแข้ง เมื่อครั้งที่ยังเป็นเสือหนุ่มนั้น มักจัดหนัก เปย์หนักให้กับเสือสาวในฮาเร็ม รวมถึงเพื่อนพ้องน้องพี่ตัวอื่นๆ จนได้ฉายา “เฮีย”

จนมาถึงวันนี้แม้ว่าอยู่ในวัยถดถอย ไม่มีสาวๆให้ต้องคอยเปย์ เฮียก็คือเฮีย แม้ว่าจะเป็นเสือไร้บ้าน แต่ความจัดเต็ม จัดหนัก นั้นยังไม่แผ่วลงเลย แต่สิ่งหนึ่งที่แฟนคลับเฮียไม่เคยล่วงรู้คือ “ความทะนงตน” ที่มีในตัวเฮีย เพราะเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานถึง 2 ปีในการเทียวไล่เทียวขื่อให้เฮียใจอ่อนยอมใส่สร้อยที่เตรียมไว้ให้ จนถึงขั้นจะยอมถอดใจจากเฮียกันเลยทีเดียว

ในเรื่องของความ “ความดื้อรั้น” ก็ต้องจัดให้เฮียขึ้นแท่นรับรางวัลไปเลย เพราะว่า เสือตัวผู้ตัวอื่นนั้นเมื่อเลยจุดที่เป็นช่วงทองของชีวิต พวกมันเลือกที่จะเดินออกจากบ้านไปอย่างสงบเสงี่ยม ไปใช้ชีวิตในที่ๆ ไร้การแข่งขัน ส่วนเฮียนั้นเจ้าหน้าที่จัดส่งไปในที่ๆ คิดว่าเหมาะสม ก็ยังขวนขวายกลับมาในที่คุ้นเคยถึงสองครั้งสองครา

เฮียเป็นเสือตัวผู้ที่สร้างมูลค่าทางรายได้ให้กับอู่ซ่อมรถ ร้านขายยาง ต้องบอกว่าในระดับที่ตัวไหนก็คงไม่อาจทำลายสถิติของเฮียได้ เมื่อทำงานจริงจังต่อเนื่องกับเฮีย ไม่รถพัง ก็ต้องยางแตก ยางรั่ว เปลี่ยนใหม่สถานเดียว

ในทุกๆ ครั้งของบั้นปลายชีวิตที่เฮียเร่ออกมานอกพื้นที่อนุรักษ์ จะมีกลุ่มคนที่คอยตาม เฝ้าระวัง ตามประกบเฮีย แบบชนิดไม่ให้คลาดสายตา เฮียก็คงคิดว่าเป็นการเล่นเกมส์ผลุบโผล่ที่สนุก แต่สำหรับเจ้าหน้าที่พวกนั้นเป็นความสุขที่เจือปนด้วยความเหนื่อยล้า เพราะในขณะที่เฮียนอนเล่นแช่โคลนท่ามกลางแสงจันทร์ พวกคนกลุ่มนั้นต้องนั่งประคองสติไม่ให้เผลอหลับไป ด้วยเกรงว่าจะคลาดกับเฮีย

วีระกรรมของเฮียนั้น เล่าอีก 2 วันก็คงไม่หมด

แต่สุดท้าย…ทุกชีวิตย่อมเดินทางมาจนถึงบั้นปลาย เฮียก็เช่นกัน ถึงเวลาที่ต้องพักแล้ว

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 65 เวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับอีเมลจากบริษัทแจ้งว่า “ตรวจพบการสิ้นอายุ” จากปลอกคอหมายเลข 83806 ซึ่งเป็นหมายเลขประจำตัวล่าสุดของ “เฮียธนากร”ในความหมายของ “สิ้นอายุ” ทางเจ้าหน้าที่เลือกที่จะตีความว่าปลอกคอของเฮียอาจจะเรรวน หรือทำงานผิดปกติ แบบที่เคยเป็นมามากกว่า ที่จะด่วนสรุปว่าเฮียไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไปแล้ว

จนเช้าของวันที่ 24 มี.ค. 65 กลุ่มเจ้าหน้าที่ๆ ผูกพันกับเฮียได้เดินเท้าเข้าตรวจสอบเหตุการณ์เพื่อให้ประจักษ์ว่า แท้จริงแล้วความหมายของอีเมลแจ้งเตือนที่ได้รับคืออย่างไร ท่ามกลางความวุ่นวายในเวลาสายๆ ของสำนักงานหนึ่งในป่าคอนกรีต มีไอคอนหน้าจอโทรศัพท์ระบุว่า พลาดการรับสายไปหลายสาย ทั้งที่ไม่มีเสียงการโทรเข้าดังแม้แต่แว่วเดียว จนท้ายที่สุดความพยายามจากกลุ่มคนในป่าก็ประสบความสำเร็จ เมื่อสามารถเชื่อมการติดต่อกับคนข้างเคียงได้ โดยระบุว่าให้ “โทรกลับด่วน”

แล้วปลายสายส่งเสียงมาประหนึ่งว่าขณะพูดนั้นย้ำเคี้ยวกรวดหินไปด้วยแต่จับใจความได้ว่า “เฮียไปแล้วครับ” ภาพในสมองยังวนย้อนกลับมาช้ากว่าน้ำตาที่ซึมและซ่านลงมาขอบตาล่าง มันเป็นระบบที่สั่งการแบบอัตโนมัติ และไม่อาจสั่งปิดได้เช่นกลไกลอื่นๆ เมื่อควบคุมไม่ได้ก็ต้องปล่อยให้มันรื้นออกมาเป็นระยะๆ

ขณะที่ความคิดก็ย้ำเตือนออกมาว่ามันเป็นธรรมชาติ มันเป็นธรรมดา ของทุกสรรพชีวิตที่ต้องประสบพบเจอในช่วงใดช่วงหนึ่งของกาลเวลาที่เคลื่อนผ่านมาในชีวิตนั้นๆ

อย่างที่บอก ว่าเฮียนั้นเป็นเสือแสบ วาระสุดท้ายของชีวิต จึงยิ่งใหญ่ทั้งความกล้าหาญ และมื้อสำราญครั้งสุดท้าย สร้อยที่ห้อยคอเฮีย เผยให้เห็นชีวิต 2 สัปดาห์ก่อนที่เฮียจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ

โดยเฮียธนา ได้ใช้ชีวิตลัดเลาะตามแนวเขตพื้นที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านที่หวงแหน และแสนอบอุ่น ถ้าเทียบกับมนุษย์คงเป็นความรู้สึกคล้ายกับการที่เดินเลาะรั้วบ้านแสนสุขที่เคยใช้ชีวิตกับครอบครัว แต่ในวันหนึ่งมีเหตุจำเป็นต้องเปลี่ยนมือเพราะมันไปต่อไม่ไหว

เฮียธนา วนเวียนกับอาหารมื้อใหญ่แบบเปี่ยมล้นสุขอยู่สามวัน ด้วยว่าปรากฎร่องรอยการนอน และการลากบางชิ้นส่วนไปนอนเล็มกินในที่ร่มรื่น ที่ไม่อาจแปลความเป็นอย่างอื่นได้ แต่ในความสุขทำให้เฮียลืมคำนึงถึงถึงเจ้าถิ่นหรือไม่ ไม่แน่ใจ หรือว่าเฮียตั้งใจส่ง “สารมอบตัว” ถึงเจ้าถิ่นก็ไม่อาจหยั่งใจเฮียได้ เพราะอาหารมื้อใหญ่เมื่อเวลาผ่านไปกลิ่นหอมหวลชวนให้สงสัยใคร่รู้ ได้ไปปะทะเข้ากับจมูกเจ้าถิ่น ถ้าเป็นภาษามนุษย์สื่อให้เข้าง่าย คือเกิดการ “เรียกแขก” มาร่วมโต๊ะ

ถ้าดูจากสภาพหลังเหตุการณ์ผ่านพ้น สื่อได้ว่า เฮียไม่มีความต้องการที่จะ สู้ หรือตอบโต้ เพราะร่องรอยที่สำรวจพบไม่ได้มีนัยยะที่สื่อถึงการไม่ยอมแพ้ ในทางกลับกัน มันกลับบอกได้ว่า เฮีย “ยอม” เพื่อให้ได้อยู่ และจบสถานะ “ไร้บ้าน” ในบ้านที่ๆ เจ้าตัวประสงค์จะทอดลมหายใจสุดท้ายที่ตรงนั้น ซึ่งเคยเป็นบ้านเดิมของเฮีย

“ฝากร่างไว้ในอ้อมกอดของแม่ธรณี ให้ได้ปกปักรักษา”

นั่นคงเป็นประสงค์สุดท้ายของเฮีย เป็นการตามใจเฮียครั้งสุดท้ายหลังจากที่ขัดใจกันมาเป็นเวลาพอสมควร ซึ่งเป็นไปตามคำกล่าวของใครบางคนที่ว่า “มนุษย์เราเมื่อป่วยไข้เจียนตายที่โรงพยาบาลยังอยากกลับมาสูดลมหายใจสุดท้ายที่บ้าน”

ในการเต็มใจจากไป ก็ได้แต่หวังใจว่า ผลแห่งการตัดสินใจจะทำให้ลูกเขยได้ดูแล “ผกา” ลูกเสือน้อย อนุสรณ์ดอกไม้แห่งความรักระหว่างแม่เอื้องและเฮียธนากร ให้มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบสามารถดำรงเลือดเนื้อบางส่วนของเฮียไว้ได้สืบต่อไป

เฮียธนากร จากไปแล้ว แต่จากไปแค่เพียงกาย ความรัก เรื่องเล่าของเฮียจะตราตรึงอยู่ในใจ และความทรงจำของทุกคนตลอดไป

คลิปแนะนำอีจัน
ครัวคันไถ ของดีเมืองนนท์ ร้านอาหารสไตล์ลูกทุ่ง