ทนายเจมส์แนะนำผู้หญิง เคสเสี่ยหมื่นล้านให้เป็นอุทาหรณ์

หลังจากมีข่าวเสี่ยท็อป เสี่ยหมื่นล้านกำมะลอกำลังเป็นที่สนใจของสังคมในตอนนี้ จันได้ลองสังเกตลักษณะการกระทำของเสี่ยท็อปจากการที่ค่อยๆมีเหยื่อสาวทยอยออกมาแฉ จันก็สังเกตได้ว่า เสี่ยท็อปน่าจะมีการใช้ชื่อผู้หญิงที่แต่งงานจดทะเบียนสมรสด้วยในการไปหาเงิน เอ๊ะ แล้วหาเงินที่ว่าหายังไง? ยกตัวอย่างเช่น ชวนคู่สมรสทำธุรกิจโดยใช้ชื่อภรรยาในการทำธุรกรรมต่างๆ อาจจะกู้เงิน หรือใช้จดเลขภาษีอากร ประมาณนี้

จันรู้สึกว่าเรื่องนี้มันดูไม่ธรรมดาซะแล้ว เพราะแต่ละเคสที่ออกมาแฉก็แทบจะหมดเนื้อหมดตัวกันไปหลายราย จันจึงติดต่อไปหา นายนิติธร แก้วโต หรือ ทนายเจมส์ เพื่อสอบถามข้อมูลมาเป็นความรู้ว่า การใช้หนี้ที่ติดอยู่ในห้วงสมรสหรือภายหลังสมรส ฝ่ายหญิงจะต้องทำอย่างไร

ทนายเจมส์ บอกว่า ต้องขอแบ่งเป็น 3 ช่วงก่อน คือ

1.หนี้สินที่เกิดก่อนการสมรส ที่ต่างคนต่างมี อันนี้ก็ตัวใครตัวมัน

2.หนี้สินที่เกิดจากการแต่งงานหรือกิจการของครอบครัว ต้องร่วมกันรับผิดชอบ

3.หนี้สินที่หลอกลวงคนอื่นมา ไม่ได้เกิดมาจากหนี้สินของครอบครัว ที่อีกฝ่ายไม่ได้ยินยอมหรือรับรู้ด้วย

ตรงนี้คู่สมรสก็ปฏิเสธที่จะไม่รับผิดชอบร่วมได้

ส่วนลักษณะพฤติการณ์ของเสี่ยท็อปที่เกิดขึ้นหลายๆอย่างแบบนี้ ค่อนข้างก้ำกึ่งไปทางความผิดทางแพ่ง ฝ่ายหญิงสามารถใช้สิทธิในการฟ้องให้ฝ่ายชายมาร่วมรับผิดชอบหนี้สินได้ แต่ทางผู้เสียหายก็ต้องไปแจ้งความ และให้ปากคำที่เล่าให้เห็นพฤติการณ์ของฝ่ายชายให้ชัดว่ามันเป็นแค่การเข้ามาหลอกลวงเราเพื่อเอาชื่อเราไปกู้เงินแล้วเอาเงินจากเราไป ต้องเล่าให้ชัดว่าเข้าข่ายความผิดฉ้อโกงไหม ถ้าพฤติการณ์มันชัดเจนก็จะเป็นเข้าข่ายความผิดทางอาญา ต้องนำสืบไปอย่างนั้น แต่ส่วนมากผู้เสียหายอาจจะอาย หรือบางคนอาจจะมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว ต้องดูว่าเขายินดีที่จะเปิดเผยหรือเปล่า ต้องบอกว่าเรื่องนี้ก็ค่อนข้างเห็นใจผู้หญิง

ทนายเจมส์ ฝากทิ้งท้ายด้วยว่า แนะนำบุคคลทั่วไปว่าให้ระมัดระวัง ดูคนให้ดี ว่าที่เขาพูดมามันน่าจะจริงไหม ถ้ามันมีอะไรที่ตะขิดตะขวงใจมันก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้วว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้
เพราะผู้หญิงทุกคนไม่ได้ต้องการผู้ชายรวย แต่เขาอยากได้ผู้ชายที่ให้อนาคตเขาได้ เพราะฉะนั้นอยากให้เคสนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้หญิงในการที่จะเลือกคบใครและตัดสินใจแต่งงานกัน