วันนี้ (31 พ.ค.60) พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา เเถลงคดีเมจิก สกิน สรุปสำนวนส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการคดีของตรีชฎา ในเครือบริษัทเมจิก สกิน หลังกวาดล้างบริษัทเมจิก สกิน หลังจากที่ได้รับการร้องเรียน เเละดำเนินการจับกุม สำนวนที่จะส่งฟ้องมีทั้งคลิปวิดิโอ ภาพถ่าย คำให้การ พยานเอกสารทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของคดีอื่นๆ อย่างเช่น สลิมมิลค์ เมสโส เฟิร์นชิโนบิ จะทยอยกันสรุปสำนวนส่งฟ้องตามหลังจากนี้ ยืนยันไม่เกินอาทิตย์หน้า
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
หลังจากที่มีผู้เสียหาย 145 ราย เข้ามาเเจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผลิตภัณฑ์ตรีชฎา ครีมทาใต้วงเเขน ที่ผลิตโดยบริษัทเมจิกสกิน พบความเสียหายมูลค่า 113,219,415.60 บาท พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดเเล้ว เพิ่มเติมพยานอีก 25 ปาก พบว่ามีกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 6 ราย ซึ่งประกอบด้วย บริษัทเมจิก สกิน โดยนายกร พวงสน ผู้ต้องหาที่ 1 นายกร พวงสน ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาที่ 2 นางสาววรรณภา พวงสุม ผู้ต้องหาที่ 3 นางสาวตรีชฎา ใจสบาย ผู้ต้องหาที่ 4 บริษัท ฮานิว โคเรีย จำกัด โดยนางสาวปาจรีย์ วงศ์สมบูรณ์ ผู้ต้องหาที่ 5 เเละนางสาวปาจรีย์ วงศ์สมบูรณ์ ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาที่ 6
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
พนักงานสอบสวนจึงนำผลการสอบปากคำ พยานหลักฐานต่างๆที่ได้รับมาประชุมร่วมกัน และลงมติพิจารณาว่าคดีนี้มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 6 คนได้ ดังนี้
1. ผู้ต้องหาที่ 1-6 มีความผิดควรสั่งฟ้องในข้อหา ร่วมกันผลิตเพื่อจำหน่ายเครื่องสำอางปลอม อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 มาตรา 21 (2) เเละมาตรา 29 (1)
2. มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-4 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดตามประมวลกฏหมาย ตามมาตรา 347 ประกอยมาตรา 343 เเละมาตรา 83
เเละมีความผิดควรสั่งฟ้องในข้อหา นำเข้่าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นข้อมูล ที่ บิดเบือน ปลอม หรือเป็นเท็จ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2560 มาตรา 44 (1)
ส่วนผู้ต้องหาที่ 1-4 นั้น มีเเจ้งข้อหาเพิ่มเติมในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นข้อมูล ที่ บิดเบือน ปลอม หรือเป็นเท็จ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ภาพจากอีจัน
ในวันพรุ่งนี้ (1 มิ.ย 61) จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คนไปส่งอัยการ เพื่อสั่งฟ้องในข้อหาเพิ่มเติม ที่ ศาลอาญารัชดา พร้อมทั้งของกลางในคดีนี้ที่ยึดเงินสดไว้ จำนวน 19 ล้านบาท เเละทรัพย์สินมากกว่า 22 รายการ จำนวน 3 ล้านบาท รวมมูลค่า 22 ล้านบาท ส่วนทรัพย์ที่ยึดไว้จะดำเนินการในคดีฟอกเงิน