หลังจาก มีการเผยแพร่ ชีวิตของ น.ส.สุนิสา มุ่งรวยกลาง หรือยุ้ย อายุวัย 26 ปี ที่ได้รับผลกระทบจากการทำงานในโรงงานหลอมเหล็ก
จนเป็นเหตุให้ตาบอด ตั้งแต่ปี 2554 หลังดวงตามืดมิดลง เธอมีแม่และสามีคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อเธอให้กำเนิดลูกชาย ได้ไม่นาน สามีก็หนีไปบวช และขาดการติดไปเลย ทำให้การดำรงชีวิตของเธอเป็นไปอย่างลำบาก เธอและลูก ต้องอดมื้อกินมื้อ
เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่การดำรงชีวิต ที่ต้องดูแลทั้งลูกชาย และแม่ที่เริ่มแก่ชรา
โดยนายพายัพ เป็นผู้ป่วยอัมพฤกษ์ มือซ้ายอ่อนแรง หลังประสบอุบัติเหตุรถจักรยานล้มตั้งแต่ปี 2541 ซึ่งตนก็ประสบปัญหาครอบครัวแตกแยก มีลูกชาย 2 คน
ก็แยกย้ายไปทำงานต่างที่ มีเพียงหลานสาว ที่คอยช่วยเหลือดูแล
“ถ้าหนูหาย สิ่งเเรกที่หนูดีใจที่สุดคือ อยากเห็นลูก ตั้งเเต่เเรกเกิดมาหนูไม่เคยเห็นหน้าลูกเลย
มันก็เหมือนทำหน้าที่เเม่ไม่ได้เต็มที่ ถ้าลูกจะไปวิ่งเล่น หนูก็อยากพาลูกไปวิ่งเล่นเหมือนคนอื่น
เเละก็อยากเห็นหน้าคนที่หนูรักทุกคน อยากไปไหนก็ได้
หนูตาบอดก่อนท้อง บางครั้งลูกยิ้ม หนูก็จับแก้มเขา ถึงจะรู้ว่าเขายิ้ม ใช้วิธีสัมผัสเอา
บางครั้งหนูท้อนะคะ น้องตัวเล็กเขาจะเอามือเล็กมาเช็ดน้ำตาให้ มาซับน้ำตาให้
บางคนเขาก็บอกว่า ลูกหนูน่ารักนะ บอกว่าหน้าเหมือนพ่อ หน้าเหมือนหนูบ้าง
หนูก็อยากเห็น แต่ก็ได้เเค่จินตนาการ เเต่เราไม่รู้ว่าจะมีโอกาสไหม
ตอนที่รู้ว่าลุงจะบริจาคดวงตาให้ ก็รู้สึกดีใจ เเต่พอมานั่งคิดอีกที ก็เสียใจ เพราะท่านเป็นเป็นผู้ป่วยติดเตียง
เเล้วท่านจะมาเสียดวงตาให้หนูอีกข้างหนึ่ง มันก็กลายเป็นว่า ร่างกายพิการทั้งขา ทั้งตา
ลุงไม่ใช่ทั้งพ่อทั้งเเม่ เเต่ลุงก็เปรียบเหมือนพ่อกับเเม่ ไม่มีใครที่ไหนหรอกค่ะที่จะกล้าบริจาคดวงตา ทั้งที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่
หนูก็นั่งคิดนะคะ ว่าทำไมท่านดีกับหนูขนาดนี้ ท่านคิดจะบริจาคดวงตาให้หนู ท่านก็เหมือนเป็นผู้ประเสริฐนั้นเเหละค่ะ”