เปิดใจทนายความกะเหรี่ยงบ้านใจแผ่นดิน โดนเผาบ้านไล่ที่

เปิดหมดเปลือก ทนายความกะเหรี่ยง เล่าเหตุการณ์ จนท.เผาบ้านกะเหรี่ยง ทวงคืนผืนที่ป่า

จากกรณีปู่คออี้ และชาวกะเหรี่ยงรวม 6 คน ยื่นฟ้อง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอให้ชดใช้ค่าเสียหายหลังโดนเจ้าหน้าที่อุทยาน รื้อถอน และเผาบ้านเรือนที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน



โดยหลังศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินให้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ชดใช้ค่าสินไหม ทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องทั้ง 6 รายเป็นจำนวนเงินที่แตกต่างกันตามการพิจารณาของศาล โดยมีวงเงินสูงสุดอยู่ที่ 51,407 บาท


อีจันได้พูดคุยกับทนายสุรพงษ์ กองจันทึก ทนายความของชาวกะเหรี่ยงทั้ง 6 คน และ ยังเป็นผู้อำนวยการศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา ด้วย ซึ่งทนายได้เปิดใจกับอีจัน ถึงเหตุการณ์เผาไล่ที่กะเหรี่ยงในครั้งนั้น

ภาพจากอีจัน


ทนายความ : จริงๆ เเล้วเราไม่ได้ต้องการเงิน ถ้าสังเกตชาวบ้านตัดสินเนี่ย เรื่องเงินไม่เคยสนใจเลย
จะให้เท่าไหร่ ประกาศให้ชาวบ้าน 100 ล้าน ชาวบ้านก็เฉย เงินไม่ได้มีความคุ้มค่าเขา เขาอยากกลับ
สู่หมู่บ้านเดิม ชีวิตที่เป็นสุขของเขา คือชีวิตที่อยู่ที่ใจเเผ่นดิน


ทนายความ : ถามว่าใจเเผ่นดินมันสำคัญกับชาวบ้านยังไง สังเกตจากชื่อก่อนนะครับ คำว่าใจ มันคือ
ส่วนที่สำคัญที่สุดของร่างกาย ส่วนที่สำคัญที่สุดของชีวิต ส่วนเเผ่นดินนี่คือเเม่พระธรณี คือ สิ่งที่เรา
อยู่ทั้งหมด ใจกลางของทุกอย่างอยู่ที่ตรงนี้ เป็นความเชื่อของคนกะเหรี่ยง มันเลยเกิดคำนี้ขึ้นมา


อีจัน : ซึ่งในภาพเเผนที่ที่บอกว่าเรา คือเมื่อวานมีคนถามว่ามีภาพเเผนที่ทางอากาศของทหาร
เห็นชัดว่ามีหมู่บ้านอยู่ก่อนการประกาศเขตอุทยาน

ทนายความ : ก็เรียกง่ายๆ ว่าหมู่บ้านนี้มีการถ่ายเเผนที่กี่ครั้ง ก่อนหน้าปี 2554 ที่ถูกเผา ก็พบว่ามีหมู่
บ้านนี้อยู่ตลอดมา

อีจัน : อุทยานฯ ประกาศปี 2524 ค่ะ


ทนายความ : ปี 2524 เก่าเเก่ที่สุดเท่าที่เราพบนะครับ จริงๆ อาจจะมีเก่าเเก่กว่านี้ ปี 2455

อีจัน : ปี 2455

ทนายความ : 100 กว่าปีครับ ระบุชื่อใจเเผ่นดิน เเล้วเเผนที่นี้มันไม่ใช่เเผนที่เเบบไม่ .. นะ ระวาง
พิกัดมาตรฐานเลย

อีจัน : เเสดงว่ามีชื่อหมู่บ้านนี้มาตั้งนานเเล้ว

ทนายความ : เเละเเผนที่ทุกฉบับของเราที่ทำ ก็ระบุชื่อหมู่บ้านใจเเผ่นดินอยู่ตรงนี้ ทุกฉบับ รวมทั้งฉบับที่เราใช้กัน นิยมมากที่สุด คือเเผนที่ 1:50,000 ทำเมื่อปี 2512 ก็ระบุหมู่บ้านใจเเผ่นดินไว้

ภาพจากอีจัน


อีจัน :
เเล้วทำไมป่าไม้ไม่มีล่ะ

ทนายความ : มีสิครับ รู้จักดีครับ เเล้วถ้าบอกว่ามีหมู่บ้านนี้อยู่ เเล้วผมไปเผาหมู่บ้านเก่าเเก่เขา

อีจัน : ถ้าอย่างนั้น โจทย์ที่เขาทะเลาะกันคืออะไร รู้ว่ามีเเล้ว เอาเขาลง อย่างนี้เหรอ ?

ทนายความ : ใช่ครับ

อีจัน : มีกฎหมายกำหนดไว้อย่างนี้เหรอ ?

ทนายความ : ไม่มีครับ


ทนายความ : เเต่พื้นที่นี้ก็มี 2 ลักษณะคือ เป็นป่าสงวนก่อน ต่อมาประกาศเป็นอุทยานเเห่งชาติเพิ่มเติมขึ้นมา การประกาศป่าสงวนกับอุทยานเเห่งชาตินี่ครับ กฎหมายเขียนไว้ชัดเจนนะ กรณีอุทยานเเห่งชาตินี่ พื้นที่ที่เหมาะเเก่การรักษาพันธุ์สัตว์ เเละธรรมชาติ เขียนทำนองนี้นะ

เพราะฉะนั้นพื้นที่ที่เหมาะเเก่การรักษาธรรมชาติเนี่ย มันต้องเป็นที่ ที่คนไม่อยู่ ยกเว้นเราเห็นว่าคนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เเต่บังเอิญวิธีคิดของสังคมไทย เรามองว่า คนกับธรรมชาติเเยกออกจากกัน โดยหลักการถ้าพบว่ามีคนอยู่ต้องกันพื้นที่ออก

อีจัน : โอเค คำนี้

ทนายความ : ประกาศทับพื้นที่ชาวบ้านไม่ได้ โดยหลักนะ

อีจัน : ต้องกันพื้นที่ออก เเปลว่า

ทนายความ : ต้องไม่ประกาศพื้นที่ป่าทับพื้นที่บ้าน


ทนายความ : เขามองว่าชาวบ้านบุกรุก ก็เป็นเรื่องของคนที่

อีจัน : ถ้าตามภาพ .. พี่ต้องรับเรื่องไว้ก่อน เราต้องคุยร่วมกันว่ามันมีการบุกรุกจริงๆ ถ้าจากภาพป่ามันถูกเปิดเเบบนี้จริงๆ

ทนายความ : อันนี้เป็นไร่หมุนเวียนกะเหรี่ยง


อีจัน : อันนี้ก็เรียกเป็นการบุกรุกทำลายป่าไหมคะ ?

ทนายความ : เอาอย่างนี้ ถ้าของผมเข้าใจว่า ไร่หมุนเวียนกับไร่เลื่อนลอยต่างกัน อันนี้เข้าใจนะ 2.คำว่าไร่หมุนเวียนของชาวบ้านนี่ ถ้าไปดูตอนเปิดป่า เราก็จะพบภาพที่น่าตกใจ คือ คุณไปตัดตันไม้ มันใช้พื้นที่อาจจะ 2 ไร่ 3 ไร่ 4 ไร่ก็ว่ากันไป เผาด้วย ดูวิธีการมันน่ากลัว เเต่คุณเชื่อไหมครับว่าการทำไร่หมุนเวียนเเบบนี้ ผมเชื่อว่าไร่หมุนเวียนนะ เป็นเหตุให้อาณาจักรอินคา อาณาจักรสมัยโบราณนะ อยู่มาเป็นพันๆปี อาณาจักรอินคาอยู่บนยอดเขา ทำไร่หมุนเวียนตีเเถวเเบบนี้ ใช้วิธีการนี้เลย เเล้วก็หมุนอยู่ได้ รักษาป่าไว้ได้ รักษาชุมชนไว้ได้หลายพันปี หลายพันนะ ไม่ใช่พันเดียว

อันนี้ เป็นวิธีการที่เขารักษาป่าที่เขารักษาไว้ คนกะเหรี่ยงอยู่ในพื้นที่ป่าอุทยานเเห่งชาติเเก่งกระจานก็ดี ทุ่งใหญ่นเรศวรก็ดี อยู่มาเป็นพันๆปีเเล้ว เเล้วระบบที่เขาทำนี่ ถ้าพูดเเบบเเฟร์ๆ นะ คือระบบนิเวศเเก่งกระจาน คือระบบนิเวศของป่าทุ่งใหญ่

ภาพจากอีจัน


อีจัน : เเล้วบ้านหลังนี้ใช่ไหม ?

ทนายความ : ใช่ครับ

อีจัน : บ้านที่เป็นลักษณะนี้ ที่โดนเผานี่ คำว่าบ้านนะ เราคุยกันเรื่องคำว่าบ้านนะ

ทนายความ : บ้านกะเหรี่ยงเป็นอย่างนี้อยู่เเล้ว

อีจัน : ไม่ใช่เพิงพัก

ทนายความ : ไม่ใช่เพิงพักอยู่เเล้ว

อีจัน : อันนี้ที่โดนเผา

ทนายความ : ใช่


อีจัน : 98 หลังเป็นเเบบนี้เหรอคะ

ทนายความ : ประมาณนั้น

อีจัน : บ้าน 98 หลังนี่ใครเผา

ทนายความ : ก็ปฏิบัติการชุดนี้ จากรายงานเขาเองนะ 98 หลัง จากนี้ไม่ได้มาจากคนอื่นนะ ไม่มีใครรู้นะจากรายงานนี้เป็นคนบอก ภาพทั้งหลายที่ใช้จากรายงานนี้ รายงานนี้ทั้งนั้นเลย ภาพทั้งหลายที่ใช้จากรายงานนี้ทั้งนั้นเลย เพราะตอน เผาไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็นหรอก นอกจากรายงานนี้ทั้งนั้นเลย


อีจัน : เเล้วทำไม 98 หลัง มีคนเสียหายเเค่ 6 คน

ทนาย : ถ้าคุณเป็นชาวบ้าน คุณจะกล้าไหม จากปากคำที่เขาเล่าให้เราฟัง มาเหมือนลิง เหมือนค่างเลยนั่ง ฮ. มา มารื้อของเผา เอาปืนจ่อให้รีบไป ไม่ไปโดนยิงตาย ใครจะกล้า กับเจ้าหน้าที่ ที่มีอาวุธอยู่ข้างในมือ

6 คนนี้ถือว่าต้องชื่นชมที่เป็นครั้งเเรก ที่ชาวบ้านกล้าลุกขึ้นมา เรียกร้องสิทธิ์ของตัวเอง ทั้งที่ตัวเองไม่มี ความรู้ ไม่มีอะไรเลย ชาวบ้านเสี่ยงมาก ปู่คออี้ตอนนี้ หลานที่เข้ามาช่วยก็หายไป

อีจัน : เผาบ้านที่ 2 นี่ ปู่ออกก่อน ถูกไหมคะ

ทนาย : จากข้อมูลที่ปู่ เเละชาวบ้านเล่าให้ฟังนะครับ ก็เป็นการชี้เเจงว่าหลานให้เอาปู่ออก

อีจัน : ในความเป็นจริงเเล้ว

ทนาย : ตามจริงเเล้วก็คือเอาปู่ออกมา เเล้วปู่ชี้เเจงอย่างนั้นว่า ได้ยินเสียงปุปุปุปุปุ ซึ่งปู่อยู่ในป่ารู้ว่า คือเสียงไม้ไผ่ที่มันเเห้ง โดนไฟเผา เเล้วก็ลูกหลานปู่ก็ไปดู เเล้วตอนนั้นก็มี การไล่คนออกมาด้วย ถ้าเกิดข้างในเขียนว่ามี บ้านปู่มีปู่อยู่คนเดียว เเต่อุ้มออกมา เอาปู่กับบางคนออกมา บางคนหนีไปข้างในป่า เเล้วเขากลับมาบ้านไฟไหม้ ก็มีภาพถ่าย ในคำพิพากษา ศาลก็พูดเหมือนกัน ภาพถ่ายว่ามันถูกเผาไปเเล้ว ศาลก็เลยเชื่อว่า ปฏิบัติการครั้งนั้นเเหละ อุ้มปู่ขึ้นปั๊บก็เผาบ้านปู่ ศาลเชื่อ

ศาลเชื่อว่า เผาบ้านปู่จริง ถ้าคุณอ่านนะครับ อ่านทั้งหมดเนี่ย ปฏิบัติการเขานี่ครับ เขาอ้างยังไงบ้าง ชนกลุ่มน้อย ยาเสพติดพวกนี้ อ้างเพียบเลยนะครับ พอปู่เเสดงตัวตนจริงขึ้นมา ตรงตามที่เขาอ้างไหม

ภาพจากอีจัน

อีจัน : มันไม่เชื่อมกัน

ทนาย : ไม่ได้ตรงเลย 1. ไม่ใช่ชนกลุ่มน้อย ต่างประเทศเลย ไม่มีข้อมูลนี้เลย บุกรุกป่าก็ไม่ใช่ คนนอกก็ไม่ใช่ ไม่ใช่หมด พูดง่ายๆ ก็คือไปไล่จับชาวบ้านมา ใครบ้าง ชาวบ้านเจอพกปืนก็วิ่งหนี ก็เอาของในบ้านออกมาวาง ก็เอาของในบ้านออกมาวาง ก็เป็นถาพที่เราเห็น ภาพที่โชว์ข้างในนี้จะเห็น เครื่องไม้ เครื่องมือปกติ ของชาวบ้านทั้งนั้นเลย

ซึ่งทั้งหมดเนี่ย มันเห็นเลยว่า นี่เครื่องไม้เครื่องปกติของชาวบ้าน ชาวบ้านอยู่ข้างในป่าก็จะมีปืนแก๊บ เป็นปืนสมัยก่อนทำเอง ก็จะมีปืนเเก๊บวางอยู่ เก็บมาจากหลายๆ บ้านนะ ผมเข้าใจว่า ประมาณสัก 7-8 กระบอก ซึ่งผมอยู่กับชาวบ้านในป่า ผมดูออกเลยว่า บางกระบอกมันยิงไม่ได้ถามว่าทำไมยิงไม่ได้ บางกระบอก มีเฉพาะไม้ไม่มีลำกล้อง มันเศษปืน บางอันมีลำกล้องเเต่ไม่มีไม้ ไม่มีไก เอามาวางไว้ประมาณ 7-8 อัน

อันที่มีสภาพดีๆ ที่อาจจะใช้ได้น่าจะมี 2 อัน เขาก็มาจับลูกปู่ เฮ้ยเอ็งอ่ะมีปืน ทั้งหมดนี้เอ็งรับนะ ของๆ เอ็งนะ ผมก็บอกว่าไม่ใช่ของผม ผมมีเเค่กระบอก 2 กระบอก เสร็จเลย กระบอก 2 กระบอกก็รับไป เเละเอาเรื่องนี้ฟ้องศาล ว่ามีอาวุธปืนไว้ในครอบ เเละเอาเรื่องนี้ฟ้องศาล ว่ามีอาวุธปืนไว้ในครอบ ปืนแก๊บ

ก็เอาผิดหมดเลยครับ อ้างว่าจับกุมอะไรไม่ได้พูดเรื่อง อาวุธปืนเเก๊บเลย คือเขาอ้างว่า มีคนกลุ่มน้อยบุกรุกป่า คุณไม่ได้ตั้งข้อหาบุกรุกป่านะ ไม่ได้ตั้งข้อหาที่คุณบอกว่ามียาเสพติด ข้อหาอื่นๆ ที่อ้างไว้ ในปฏิบัติการ

คุณลองไปอ่านดู ที่มาเขาบอกว่าพบคนทำนองนี้ เเล้วก็เลยต้องมีการตรวจสอบ ก็เล่นงานคนกลุ่มนี้ เเต่ไปจับลูกปู่ ข้อหามีปืนเเก๊บไว้ในครอบครอง ก็มีการเอาไปฟ้องศาล อาจารย์ทัศน์กมล โอบอ้อม ซึ่งเป็นคนที่ประสานงานช่วยเหลือชาวบ้าน เข้าใจเรื่องฝ่ายทหารอยู่ ก็พาผู้พิพากษา ลงมาดูในพื้นที่ ว่าชาวบ้านอยู่ยังไง

ศาลกลับไปปั๊ปก็ไปเขียนคำ พิพากษาออกมา ไปคัดได้นะครับ ศาลลงโทษผมจำไม่ได้ว่า ปรับ 1 พัน หรือ 2 พัน เป็นศาลเบา เเละศาลเขียนด้วยว่า ว่าเป็นเพราะว่าสภาพความเป็นอยู่ของเขา ศาลเห็นใจชาวบ้าน เเล้วก็ปรับน้อย อาจารย์ทัศน์กมล ก็เป็นคนจ่ายเงินให้ก็จบ คราวนี้จบเเล้วครับคำสั่งของศาลลงโทษสถานเบา เเละข้อหานี้ไม่เกี่ยวกับปฏิบัติการเลย ปฏิบัติการไม่ได้อ้างเรื่องของอาวุธปืน อ้างบุกรุกป่า ยาเสพติด ว่าไปเรื่อยเเต่คุณไม่ได้จับคนกลุ่มนี้เลย ไม่มี จับอยู่คนเดียวนั่นเเหละ ไม่ได้จับข้อหาอื่นด้วย

ภาพจากอีจัน