สถิติคนร้องทุกข์มูลนิธิวีณาฯ ปี 62 มากถึง 7 พันราย

มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี จัดแถลงการณ์ผลการดำเนินงานปี 62 มีผู้เสียหายร้องทุกข์ 7,523 ราย และเสนอ 3 แนวทางให้หน่วยงานภาครัฐ

วันที่ (25 ธ.ค.62) เวลา 13.00 น. มูลนิธิวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้มีการจัดแถลงการณ์ผลการดำเนินงาน รวมไปถึงสถิติการร้องทุกข์ ในปี 2562 ทั้งหมด

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

โดยเรื่องราวร้องทุกข์ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. – 20 ธ.ค. 62 มีทั้งหมด 7,523 ราย โดยปัญหาที่พบสูงที่สุด 3 ลำดับคือ

1. ปัญหาครอบครัว 2,302 ราย คิดเป็น 30.60 %

2. ทารุณกรรม/ทำร้ายร่างกาย/กักขัง 1,039 ราย คิดเป็น 13.81 %

3. ข่มขืน/อนาจาร 777 ราย คิดเป็น 10.33 %

โดยผู้ที่ทำทารุณกรรม ตามลำดับคือ

1. สามี 485 ราย คิดเป็น 46.68 %

2. ญาติ 115 ราย คิดเป็น 11.07 %

3. พ่อ/แม่ 107 ราย คิดเป็น 10.30 %

ผู้เสียหายอายุน้อยที่สุดเป็นเด็กหญิงวัย 4 เดือน อายุมากสุดเป็นคุณยายวัย 77 ปี

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

ส่วนในรายของผู้ข่มขื่น/กระทำอนาจาร

1. คนข้างบ้าน 319 ราย คิดเป็น 41.06 %

2. เพื่อน 142 ราย คิดเป็น 18.28 %

3. ญาติ 89 ราย คิดเป็น 11.45 %

4. พ่อเลี้ยง 72 ราย คิดเป็น 9.27 %

5. ปู่/ตา 21 ราย คิดเป็น 3.47 %

ผู้ถูกระทำอายุน้อยที่สุด เป็นเด็กหญิงอายุ 3 ขวบ อายุมากสุด เป็นคุณยายวัย 72 ปี

ภาพจากอีจัน

ทั้งนี้ คุณปวีณา ยังพูดถึงปัญหาการค้ามนุษย์ภายในประเทศ ที่มีจำนวนที่ลดลงเนื่องจากรัฐบาลแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังมาตลอด แต่ในส่วนของการถูกหลอกไปทำงานต่างประเทศ จากบุคคลที่อ้างว่าเป็นนายหน้าจัดหางาน มีผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์ในปี 2562 ทั้งหมดจำนวน 56 ราย มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มีจำนวน 53 ราย สูงคิด 5.66 %

ภาพจากอีจัน

ซึ่งล่าสุดมีผู้เสียหายอีก 25 คน เดินทางมาร้องทุกข์ที่มูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอความช่วยหลังถูกหลอกว่าจะให้ไปทำงานที่ประเทศอังกฤษ และนิวซีแลนด์ เสียเงินให้นายหน้าไปคนละ 5-6 หมื่นบ้าน แต่ไม่ได้เดินทางไป และยังฝากเตือนให้ระวัง และตรวจสอบให้ดีก่อนตัดสินใจจะได้ไม่ถูกหลอก

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

ทั้งนี้ก่อนจบการแถลงการณ์ คุณปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิวีณาฯ ได้เสนอ 3 แนวทางให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน

1. ขอให้จัดตั้งศูนย์เด็กเล็กตามสถานที่ต่างๆให้ทั่วถึง และจัดหาบุคลากรที่ได้ผ่านการอบรมการดูแลเด็ก เพื่อช่วยเหลือพ่อแม่ที่ต้องทำงานไม่มีเวลาเลี้ยงลูก

2. จัดตั้งศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดแบบครบวงจรอย่างจริงจัง โดยเล็งเห็นว่าการใช้เวลา 45 วัน บำบัดผู้ติดยาเสพติดอาจจะไม่เพียงพอ และมีโอกาสที่จะกลับไปเสพอีก และยังอยากจะให้รัฐบาลฟื้นฟูศูนย์วิวัฒน์พลเมือง เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้สร้างชีวิตใหม่ ให้กับผู้ที่เคยติดยาเสพติด

3. เร่งแก้ปัญหา “ท้องแล้วทิ้ง” ที่นับเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นทุกวัน โดยจะเสนอให้กฎหมายหักเงินฝ่ายชาย
ที่ไม่รับผิดชอบ เพื่อให้ฝ่ายหญิงนำเงินไปเลี้ยงดูลูก หากไม่ทำตามจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ภาพจากอีจัน

มูลนิธิปวีณาฯ ขอขอบคุณหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน พลเมืองดี และสื่อมวลชน ที่ทำงานร่วมกันจนสามารถช่วยเหลือเด็ก และสตรีผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี