เปิดตำนาน ดอยนางนอน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นขุนเขาเเห่งความรักที่ไม่สมหวัง
ก่อนที่เราจะเล่าถึงตำนานของถ้ำหลวงนางนอน ต้องบอกก่อนเลยว่า ตัวของถ้ำอยู่ในภูเขาที่ขึ้นชื่อว่า “ดอยนางนอน” มีลักษณะที่เป็นทิวเขารูปผู้หญิงผมสยายยาว นอนทอดกาย มีรูปร่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือส่วนหัว หน้าอก ยาวลงมาถึงลำตัว
วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนถ้ำนางนอน อยู่ในเขตป่าสงวนเเห่งชาติป่าดอยนางนอน มีเนื้อที่รวมกว่า 5000 ไร่ เป็นพื้นที่ราบระหว่างหุบเขา หินปูนสูงชัน มีถ้ำอยู่หลายเเห่งเรียงรายกันอยู่ เเละมีบรรยากาศที่เงียบสงบ ..
ตำนานดอยนางนอนเป็นที่เล่าขานกันมานานเเล้วว่า ณ เมืองเชียงรุ้ง สิบสองปันนา ซึ่งมีเจ้าหญิงองค์หนึ่งมีพระรูปที่สิริโฉมงดงาม เเละเธอได้เเอบรักกับชายเลี้ยงม้าในวัง ก่อนจะหนีตามกันมาถึงที่ราบใกล้เเม่น้ำโขง ในขณะที่เดินทางเจ้าหญิงก็ทรงตั้งครรภ์ได้หลายเดือนเเล้ว เเละเมื่อเดินทางมาถึงที่นั่น เจ้าหญิงก็เสด็จต่อไปไม่ไหว จึงบอกชายเลี้ยงม้าว่าจะรออยู่ที่นี่ ชายเลี้ยงม้าก็บอกว่าจะไปหาอาหาร กำชับเจ้าหญิงเป็นอย่างดีว่า “อย่าไปไหนนะ”
เเต่เมื่อชายเลี้ยงม้าได้ออกไปหาอาหาร เวลาผ่านไปเเล้วผ่านไปเล่า ก็ไม่เห็นวี่เเววของชายเลี้ยงม้าว่าจะกลับมา ..
เธอได้ข่าวอีกที ปรากฏว่าชายเลี้ยงม้าถูกฆ่าโดยทหารของพระราชบิดาที่สะกดรอบตามมานั่นเอง
ขุนคีรีนี่หรือคือซากรัก
หญิงอกหักธิดาสาวเจ้าเชียงรุ้ง
รักวิบัติจึงพลัดพรากหนีจากกรุง
นางหมายมุ่งมาถิ่นดินแดนไทย
ทัพบิดายกมาทันหวาดหวั่นจิต
คร่ำครวญคิดคิดถึงคนรักจักทำไฉน
คืนพม่าท่าจะม้วยด้วยอาลัย
ยอมตักษัยให้รู้อยู่เชียงราย
นางใช้ปิ่นปักผมทิ่มแทงขมับ
ชีพลาลับเลือดกระเซ็นเป็นเส้นสาย
เป็นขุนน้ำนางนอนไหลไม่ขาดคลาย
ร่างวางวายกลายเป็นเขาแสนเศร้าเอย
อาจารย์พรชัย เขียวสาคู