สถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารพม่าและกองกำลังฝ่ายต่อต้านยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระต่อชาวเมียนมาที่อาศัยอยู่บริเวณเมืองเมียวดีได้รับผลกระทบจากภัยสงครามจนมีการอพยพเข้ามาฝั่งไทยที่ อ.แม่สอด จ.ตาก กว่า 2 พันคน
โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 01.00-02.30 น. กองทัพเมียนมาได้ส่งอากาศยานทิ้งระเบิดจำนวนหลายเที่ยวบิน ใส่พื้นที่กลุ่มต่อต้านที่ยึดไว้ โดยเฉพาะเขตที่ทำการทางทหารในเขต กองพันที่ 275 กองพลที่ 44 ค่ายผาซอง เขต จ.เมียวดี ห่างจากฝั่งไทยประมาณ 3 กิโลเมตร
ล่าสุด วันนี้ 22 เม.ย. 67 ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน แม่สอด จ.ตาก กองกำลังฝ่ายต่อต้านทหารเมียนมา ร่วมกับทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงหรือเคเอ็นยู บุกเข้าไปยึดพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดเมียวดี เผาอาคารสำนักงานบางแห่ง รวมทั้งเผาสถานีตำรวจที่รักษาความปลอดภัย ที่สำนักงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจ รวมทั้งยึดเขตการค้าชายแดน อาคารสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร จุดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ทั้ง 2 แห่ง ทั้งสะพานที่ 1 และ ที่ 2 ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์การค้าที่สำคัญระหว่างไทย-เมียนมา พื้นที่ จ.เมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก
เบื้องต้นทหารฝ่ายต่อต้านได้ปิดจุดข้ามแดนทั้ง 2 แห่ง ห้ามประชาชนทั้งไทย-เมียนมาข้ามไป โดยขอเข้าเคลียร์พื้นที่การสู้รบ และตรวจสอบเศษซากอาคารที่เสียหายจากการทิ้งระเบิดของทหารเมียนมา
ส่วนศูนย์อพยพที่ อ.แม่สอด ทั้งสองแห่ง เริ่มมีผู้ที่ลี้ภัยสงครามบางส่วน แสดงความประสงค์ที่จะเดินทางกลับไปที่ประเทศเมียนมาบ้างแล้ว ทำให้ตอนนี้มีผู้ลี้ภัยที่ศูนย์อพยพที่คอกวัว วังตะเคียน กับท่าสายรุจิรา เหลือจำนวน 2,013 คน
อย่างไรก็ตาม ด้าน นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ได้กล่าวถึงสถานการณ์การสู้รบทางฝั่งเมียนมาที่เกิดขึ้นและมีกระสุนตกมายังฝั่งไทยว่า โดยตกลงที่บริเวณแม่น้ำเมย และโดนบ้านเรือนประชาชนในบ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ 7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด แม้ทั้งสองกรณีจะไม่ได้เกิดความเสียหาย หรือมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ได้ทำการเตือนทางฝั่งเมียนมาว่า ให้ระมัดระวัง เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์รุกล้ำข้ามเขตแดน ไม่ว่าจะทางบกหรือทางอากาศ รวมถึงการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ อย่าให้เข้ามาในประเทศไทย รวมถึงห้ามให้ประชาชนไทยได้รับอันตราย
ขอบคุณข้อมูลจาก : เรื่องเล่าเช้านี้
คลิปอีจันแนะนำ
รัฐบาล ลุย! ปกป้องข้อมูลคนไทย สู้กลับ มิจฉาชีพ