สบส. จ่อเอาผิด “อ.เอก ฝ่ามือพลังจิต” เจ้าตัวลั่น! ขอสงบปากสงบคำ

หลังจากมีกระแสดราม่ามากมายถาโถมใส่ “อ.เอก ฝ่ามือพลังจิต“ กับการรักษาคนป่วยผ่านฝ่ามือ จนทำให้ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ลงพื้นที่ตรวจสอบศูนย์ฝึกอบรมของ “อ.เอก ฝ่ามือพลังจิต”

โดยวานนี้ (15 พ.ย. 66) สบส. ได้ส่งเจ้าหน้าที่กฎหมาย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบ ศูนย์ฝึกอบรมของ “อ.เอก ฝ่ามือพลังจิต” ที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แต่ไม่พบตัว อ.เอก จึงสอบถามเจ้าของที่ให้เช่าพื้นที่

พบว่า อ.เอก ขอเช่าพื้นที่เพื่อเปิดเป็นสำนักงาน ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม 2566 โดยมิได้แจ้งว่าจะมีการให้บริการรักษาพยาบาลผู้ป่วย ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้น อ.เอก ไม่ได้เป็นผู้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และไม่ได้เป็นผู้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย อีกทั้ง สถานที่ให้บริการ “ศูนย์อบรมศาสตร์พลังจิต อาจารย์เอก” ที่ตั้งอยู่พื้นที่นี้ ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลแต่อย่างใด

พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงเตรียมเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับ อ.เอก เบื้องต้นในฐานความผิดตามกฎหมาย 3 ฉบับ คือ

1. พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ในฐานประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยมิได้รับอนุญาต

2. พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ในฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยมิได้รับอนุญาต

3. พระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2556 ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยโดยมิได้รับอนุญาต

ด้าน นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า การรักษาโรคทุกประเภทนั้น ขอให้ผู้ป่วยหรือญาติเลือกรับบริการจากแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพ และจะต้องกระทำการรักษาในสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ด้วยการรักษาพยาบาลผู้ป่วยเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน หากผู้ป่วยรับการรักษาพยาบาลโดยบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ ซึ่งขาดความชำนาญ และมีกระบวนการรักษาพยาบาลที่ไม่ถูกต้องตามมาตรฐานวิชาชีพ ก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ร่างกายของตัวผู้ป่วย รวมทั้ง อาจจะทำให้ผู้ป่วยสูญเสียโอกาสที่จะได้รับการรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง จนเป็นเหตุให้โรคลุกลาม หรืออาการกำเริบจนเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

ล่าสุด วันนี้ (16 พ.ย. 66) ทีมงานอีจันได้สอบถามไปถึง อ.เอก เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดย อ.เอก เผยว่า เรื่องที่จะโดนข้อหาขอยังไม่พูดถึง เพราะพูดไปก็หาว่าไปท้าทาย ตอนนี้ได้เพียงแต่รอดูว่าจะแจ้งความเรื่องอะไรบ้าง อาจจะมีการแถลงข่าว แต่เบื้องต้นกำลังปรึกษากับทีมกฎหมายอยู่ว่าจะทำยังไงต่อไป

ส่วนเรื่องความรู้สึกหลังที่มีกระแสดราม่าถาโถมนั้น อ.เอก กล่าวว่า “ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไร มันเป็นปกติของผมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ปกติ เพราะผมปฏิบัติตนมา จะให้ไปรู้สึกทุกข์ก็ไม่ได้ เพราะเรื่องมันยังมาไม่ถึงผมอยู่กับปัจจุบัน แต่ถ้าอนาคตจะเกิดปัญหาอะไรผมก็จะค่อยๆ แก้ปัญหา และจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ จะไม่คิดไปก่อน เพราะเรายังไม่เห็นเหตุเราจึงแก้เหตุไม่ได้ ต่อให้เราคิดไปจนวันตายมันก็แก้เหตุไม่ได้ เพราะเหตุมันยังไม่เกิด”

ทั้งนี้ อ.เอก ยังกล่าวอีกว่า “ส่วนอนาคตจะเป็นยังไง ถ้าหน่วยงานยื่นคำฟ้องมาถึงผม ก็ต้องดูว่าเขาฟ้องแบบไหน ความผิดอะไร มันเป็นเรื่องของอนาคต ฉะนั้นตอนนี้อาจารย์ขอสงบปากสงบคำ”