อัยการสูงสุด สั่งเลื่อนนัดฟังคำสั่งคดีทักษิณ ผิด ม.112 เป็น 22 พ.ค.67

อัยการสูงสุด สั่งเลื่อนนัดฟังคำสั่ง คดีทักษิณ ผิด ม.112 ไปเป็นวันที่ 22 พ.ค.67 เหตุยังสอบสวนเพิ่มเติมไม่ครบทุกประเด็น ยันเป็นกระบวนการปกติ

หลังจากมีนัดฟังคำสั่ง คดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาตาม ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ล่าสุด อัยการสูงสุด ได้สั่งเลื่อนนัดฟังคำสั่งคดีดังกล่าว ไปเป็นวันที่ 29 พ.ค.67 นี้ โดยให้เหตุผลว่ายังสอบสวนเพิ่มเติมไม่ครบทุกประเด็น  

วันนี้ (10 เม.ย.67) นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วยรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์, นายณรงค์ ศรีสันต์, นายจิตภัทร พุ่มหิรัญ ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาตาม ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  

โดยนายประยุทธ กล่าวว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 6 ก.พ.67 นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งให้สอบสวนในคดีนี้เพิ่มเติม เพื่อให้สิ้นกระแสความ และได้ให้พนักงานสอบสวนส่งรายงานการสอบสวนเพิ่มเติมมาภายในวันที่ 10 เม.ย.67 วานนี้พนักงานสอบสวนได้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมมาเพียงบางประเด็นเท่านั้น ยังไม่ครบถ้วนทุกประเด็น ดังนั้นอัยการสูงสุดจึงยังไม่อาจมีความเห็นหรือคำสั่งในทางคดีได้  จึงได้เลื่อนการฟังคำสั่งในคดีนี้อีกครั้งไปเป็นวันที่ 29 พ.ค.67 เวลา 09:00 น.  

ซึ่งวานนี้เวลา 16:00 น. ได้แจ้งผลไปยังนายทักษิณแล้วว่า ผลการสอบยังไม่ครบถ้วน และวันนี้นายทักษิณ ไม่ได้เดินทางมาที่อัยการสูงสุดเพื่อรับทราบคำสั่ง แต่ได้มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจมารับทราบคำสั่งดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว  

ทั้งนี้ นายประยุทธ ยืนยันว่า กรณีการเลื่อนฟังคำสั่งนั้น มี 2 กรณี คือ เกิดจากเรื่องเพราะเหตุฝั่งหน่วยงานราชการ และเลื่อนเพราะเหตุปัจจัยของฝั่งผู้ที่ต้องมารับทราบนัด ซึ่งกรณีในวันนี้เป็นเหตุขัดข้องจาก หน่วยงานราชการที่งานของกระบวนการยุติธรรมยังไม่แล้วเสร็จ ยืนยันว่าเป็นกระบวนการปกติ   

สำหรับประเด็นที่อัยการสูงสุดได้สั่งสอบเพิ่มเติมนั้น ยังคงไม่สามารถเปิดเผยได้ละเอียดได้ แต่มีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 70 – 80 ซึ่งเป็นการสอบถ้อยคำกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่อยู่ระหว่างดำเนินการอีกร้อยละ 30 นั้น เป็นการดำเนินการด้านเอกสาร หรือด้านอื่นๆ เกี่ยวกับผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญต่างๆ และหากพนักงานสอบสวนได้ส่งประเด็นการสอบสวนเพิ่มเติมครบถ้วนก่อนวันที่ 29 พ.ค.67 คาดว่าไม่น่าจะมีเหตุขัดข้องให้ต้องเลื่อนการฟังคำสั่งในคดีออกไปอีก 

ด้านนายณรงค์ ศรีสันต์ อัยการพิเศษฝ่ายแผนช่วยเหลือทางกฎหมาย กล่าวว่า สำหรับแนวทางการปฏิบัติของผู้ต้องหาหลังจากทราบวันนัดต่อไปแล้ว ผู้ต้องหาจะต้องมารายงานตัวด้วยตนเอง หากไม่มาต้องยื่นคำร้องเพื่อขอเลื่อนการรับฟังคำสั่งของพนักงานอัยการ พร้อมแสดงเหตุผลความจำเป็นเพื่อให้หัวหน้าอัยการใช้ดุลยพินิจว่ามีเหตุควรอนุญาตให้เลื่อนหรือไม่ หากไม่มีจะให้พนักงานสอบสวนติดตามตัวออกหมายจับเพื่อมาฟังคำสั่งในคดีต่อไป 

นอกจากนี้ หากกระบวนการสั่งคดีของอัยการยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากกระบวนการทางกฎหมายเช่น การสอบสวนเพิ่มเติมไม่แล้วเสร็จ ผู้ต้องหาสามารถมอบหมายให้นายประกัน ญาติ หรือทนายความ เพื่อมารับฟังคำสั่งเลื่อนของอัยการได้ ซึ่งเหมือนกับผู้ต้องหามาขอเลื่อนด้วยตนเองแต่หากภายหลังมีการผิดนัดผิดสัญญาประกัน ก็สามารถดำเนินการบังคับตามสัญญาประกันได้   

ขณะเดียวกัน หากในวันนัดฟังคำสั่งครั้งแรก ผู้ต้องหาได้เดินทางมาฟังคำสั่งฟ้องด้วยตัวเองแต่ไม่ได้เตรียมหลักทรัพย์การประกันตัวมา ผู้ต้องหาสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อยื่นคำร้องเลื่อนการส่งตัว เพื่อเตรียมหลักประกันชั้นศาลก่อนได้ ยืนยันว่าเป็นกระบวนการตามปกติในการควบคุมตัว