จากกรณีที่มีการเปิดเผยรายชื่อ 4 อาจารย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ซึ่งเป็นผลมาจากฝุ่น PM2.5 นั้น
ล่าสุด มีข้อมูลเปิดเผยว่า ฝุ่น PM 2.5 ทำให้เกิดยีนส์กลายพันธุ์เกิดขึ้น และหากมีการสะสมในร่างกาย จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอด ภายในยระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี
โดยเมื่อวานนี้ (6 เม.ย. 67) นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ อายุรแพทย์โรคหัวใจและที่ปรึกษาศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า มีการศึกษาวิจัยจากต่างประเทศ พบว่า การมาอยู่ในพื้นที่ที่มี PM2.5 ในระดับที่ไม่ปลอดภัย เป็นเวลานาน ฝุ่นพิษที่เข้าสู่ร่างกาย จะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของยีนส์ ทำให้มีโอกาสเกิดมะเร็งปอดสูงขึ้นมาก โดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 2-3 ปีเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่การได้รับผลกระทบระยะสั้น หรือแค่แสบตา ตาแดง แสบจมูก แต่การสะสมของฝุ่นพิษนี้ จำไปสู่การกระทบสุขภาพรุนแรง เช่น โรคมะเร็งปอด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองตีบ ซึ่งเป็นผลกระทบระยะยาว
โดยช่วงนี้มีข่าวร้ายเกี่ยวกับการเสียชีวิตอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งพบว่าเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด 4 ราย ซึ่งไม่มีประวัติการสูบบุหรี่ ปกติจะมีสัดส่วนที่น้อย แต่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดเชียงใหม่ กลับพบผู้ป่วยโรคมะเร็งมีสัดส่วนที่สูงมากกว่าที่อื่น
นอกจากนี้ ทางครอบครัวของ ดร.ระวิวรรณ โอฬารรัตน์มณี คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มช. ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดนั้น ได้เปิดเผยว่า ดร.ระวิวรรณ มีอาการไอ ซึ่งในตอนแรกคิดว่าป่วยเป็นลองโควิด แต่การไอรุนแรงขึ้น จนตรวจพบว่าป่วยเป็นมะเร็งปอด ระยะที่ 4 และได้มีการหาสาเหตุของการเกิดมะเร็งปอดนี้ พบว่า เป็นผลจาก PM 2.5 ทำให้เกิดยีนส์กลายพันธุ์ นำไปสู่การเป็นมะเร็ง ซึ่งยีนส์กลายพันธุ์ตัวนี้มักจะเกิดในผู้หญิงเอเชีย
ทางด้านครอบครัว ยังกล่าวอีกว่า อยากให้กรณีของ ดร.ระวิวรรณ เป็นกรณีตัวอย่าง ให้ทั้งรัฐบาลและประชาชน หันมาใส่ใจแก้ปัญหาฝุ่นพิษนี้มากขึ้น หากไม่สามารถกำจัดฝุ่นพิษได้ อย่างน้อยก็หวังให้ลดความรุนแรงของปัญหา
ฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ทุกคนดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ หวังว่าปัญหาฝุ่นพิษนี้ จะบรรเทาลงในเร็ววันค่ะ
คลิปอีจันแนะนำ
จับคาผ้าเหลือง หลวงพี่ ลอบค้ายา