
จากปฏิบัติการการล่อซื้อและเข้าจับกุมผัวเมียชาวสุรินทร์ ลักลอบค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตรวจยึดของกลาง พบ งาช้างคู่ใหญ่ 2 คู่ และงาช้างหั่นท่อน จำนวน 26 ชิ้น และลูกเสือ อายุราว 2-3 เดือน จำนวน 2 ตัว เป็นเพศผู้ 1 ตัว เพศเมีย 1 ตัว ที่สืบพบว่าทั้ง 2 ตัว เป็นเสือที่มาจากฟาร์มแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี


ล่าสุด 17 ก.ค. 67 สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจุฬาภรณ์ จ.ศรีสะเกษ นส. คชนินทร์ ราชสินธุ์ (หมอแจน) นายสัตวแพทย์ชำนาญการ ได้อัพเดทอาการล่าสุดของลูกเสือทั้ง 2 ตัวว่า จากการตรวจร่างกายและเจาะเลือดไปตรวจพบว่า ทั้งคู่มีอาการขาดน้ำ ขาดสารอาหาร ร่างกายซูบผอมกว่าเกณฑ์ที่ควรจะเป็นของเสือวัยขนาดนี้ โดยลูกเสือตัวเมีย เจ้าหน้าที่ตั้งชื่อให้ชั่วคราวว่า “ช่องจอม” และลูกเสือตัวผู้ชื่อ “เจ้าดม”



จากการตรวจรักษา ลูกเสือตัวเมียอายุประมาณเกือบ 3 เดือน โตกว่าตัวผู้ และมีน้ำหนักตัว อยู่ที่ 5.5 กิโลกรัม ส่วนลูกเสือตัวผู้ น้ำหนักอยู่ที่ 3.7 กิโลกรัม หมอแจนบอกกับอีจันว่า ถือว่าน้ำหนักของน้องน้อยมากๆ และยังต้องอยู่ในการดูแลและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดจากหมอ โดยเฉพาะน้องเสือตัวผู้ ที่ยังกินนมได้น้อย เหงือกซีด อ่อนแรง ต้องคอยให้ยาและน้ำเกลือทุกๆ 4 ชั่วโมง และจากอาการตอนแรกที่เห็นว่าน้องเสือทั้ง 2 มีอาการท้องเสีย เพราะเกิดจาก เชื้อโปรโตซัว (Protozoa) หรือ เชื้อบิด ซึ่งเมื่อวานน้องถ่ายออกมาเป็นเมือกและมีเลือดปนออกมาด้วย ส่งผลทำให้น้องอ่อนเพลีย




หมอแจนยังเล่าให้อีจันฟังอีกว่า จากที่ดูอาการน้องคิดว่า น้องเสือทั้ง 2 ตัว คาดว่า ได้รับการเลี้ยงดูมาแบบไม่ดี น่าจะถูกเลี้ยงเบียดกันในกรง เพราะตรงจมูกของน้องมีแผลถลอก และน้องซูบผอมกว่าเกณฑ์ คงไม่ได้รับอาหารอย่างเพียงพอและเต็มที่ พื้นที่เลี้ยงก็น่าจะไม่ได้รับการดูแลทำความสะอาด มีการหมักหมมของเชื้อโรค เพราะน้องมีอาการติดเชื้อ มันไม่เหมือนกับการที่ให้เขาอยู่อย่างธรรมชาติ เห็นแล้วก็รู้สึกสะเทือนใจ ทั้งที่มีการป้องกัน ร้องขอ รณรงค์ การลักลอบค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง แต่ก็แปลกใจทำไมกลับมีถี่ขึ้น สัตว์ป่าควรได้ใช้ชีวิตของเขาตามวิถี ตามธรรมชาติ อย่างในกรณีลูกเสือทั้ง 2 ตัวนี้ ก็คงต้องอยู่และโตที่นี่ไปตลอดชีวิต เพราะเมื่อถูกเลี้ยงจากคนตั้งแต่ยังเด็ก เค้าก็จะไม่สามารถกลับคืนสู่ธรรมชาติได้


จริงๆ เรื่องแบบนี้ต้องโทษทั้งคนซื้อและคนขาย และไม่อยากให้มีอีก และอยากให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้ลูกเสือทั้ง 2 ตัวนี้ ให้อาการดีขึ้นโดยเร็วด้วย แต่โดยรวมวันนี้เห็นเขาเริ่มเล่น เริ่มเดิน เริ่มร้องก็รู้สึกใจชื้น

นายสาธิต พันธุมาศ หัวหน้าสถานีฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับอีจันว่า เสือที่เป็นของกลางส่วนใหญ่จะไม่ใช่สายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในผืนดินไทย จึงไม่สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ ปัจจุบันมีเสือที่เป็นของกลางที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจุฬาภรณ์ จำนวนทั้งสิ้น 19 ตัว มีทั้งเสือดาว เสือโคร่งเบงกอล เจ้าหน้าที่ทุกนายดูแลพวกเขาเหมือนลูก


นายสายัณห์ บุญมี ผู้ช่วยนักวิจัย เล่าว่า ถือว่าเป็นลูกเสือที่พบเป็นของกลางที่มาที่นี่ในรอบ 20 ปี ส่วนมากที่มาจะเป็นเสือรุ่นที่โตแล้ว เห็นแล้วก็รู้สึกโกรธทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเสือเล็กเสือใหญ่ เพราะคนที่ทำแม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ก็เป็นกลุ่มที่มีเงินมีอิทธิพล ก็อยากจะให้พวกเขาหยุดซักที การลักลอบซื้อขายสัตว์ป่ามันก็ไม่ได้ทำให้มีบารมีเพิ่มขึ้นหรอก


สัตว์ทุกตัวก็มีหัวใจ
ไม่ว่าคนหรือสัตว์ชนิดไหนต่างก็รักชีวิต
และโหยหาการมีชีวิตรอดเพื่อเห็นความเป็นไปของโลกใบนี้
ช่วยเมตตาปล่อยให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตตามธรรมชาติที่ควรจะเป็นเถอะค่ะ

คลิปอีจันแนะนำ
พญาเสือ ล่อแก๊งลอบค้าสัตว์ป่าออกจากถ้ำ