ชุดพญาเสือ เร่งประสานตร. เรียกทายาทปู่คออี้มารับโทษ

โดยวันที่ 25 ตุลาคม 2561 เวลา 10.00 น. จะมีการนัดพบเพื่อเจรจา ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอแก่งกระจาน กับภารกิจชุดพญาเสือทวงคืนผืนป่า

อช.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ปฏิบัติการร่วมกับ สบอ. 3 สาขาเพชรบุรี, อุทยานฯแก่งกระจาน, ฝ่ายปกครอง จ.เพชรบุรี, เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ระบุนายโคอิ หรือคออี้ มีมิ จำเลยที่ 1 และพวก ระบุว่า ผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 เข้าไปบุกรุกพื้นที่ ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 ไม่มีสิทธิ์ในที่ดินหรือหลักฐานการได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการยึดถือหรือครอบครองที่ดินภายในเขตอุทยานแห่งชาติฝ่าาฝืนบทบัญญัติมาตรา 16 (1) แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ดังนั้น หัวหน้าวนอุทยานแห่งชาติชะอำ นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าวนอุทยานแห่งชาติเขานางพันธุรัตน์ นางสาวเนตรนภา งามเนตร ในฐานะชุดพญาเสือ จะดำเนินการตามแผนทวงคืนผืนป่าอุทยานฯแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

ภารกิจที่ 1 เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ติดตามนำตัวผู้รับมรดก ของนายโคอิ หรือคออี้ มีมิ จ.ที่ 1 กับพวกรวม 6 คนมารับโทษตามกฎหมาย ซึ่งสำเนาคำพิพากษา (อุทธรณ์) เท่ากับว่าได้ปรากฏผู้กระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ ตามผลแห่งคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ระบุว่าผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 เข้าไปบุกรุกพื้นที่ ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ไม่มีสิทธิ์ในที่ดินหรือหลักฐานการได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการยึดถือหรือครอบครองที่ดินภายในเขตอุทยานแห่งชาติผ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 16 (1) แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504

ภารกิจ ที่ 2 ตรวจสอบ ตรวจยึด พื้นที่บุกรุกอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เนื่องจากมีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ นส.3 ข. โดยมิชอบด้วยกฎหมาย(ออกโดยวิธีการเดินสำรวจหลังประกาศ อุทยานฯ ) บริเวณ ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ตรวจสอบจากภาพถ่ายทางอากาศออร์โธร์สี ปี 45 พบมีร่องรอยการใช้ประโยชน์แค่บางส่วน จากภาพถ่ายดาวเทียมปี 57 มีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ทั้งหมด และไม่เป็นพื้นที่แปลง cn แต่อย่างใด