ผบ.สอท. สั่งย้าย 2 ตร. หลังถูก ทนายตั้ม แฉเอี่ยวเก็บเงินรับส่วย

ผบ.สอท. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา มีคำสั่งย้าย 2 นายตำรวจ หลังถูกทนายตั้มออกมาแฉว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกเก็บเงิน รับ-ส่งส่วยให้บิ๊กตำรวจ

จากกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ออกมาแฉตำรวจที่มีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับส่วยต่างๆรวมถึงเว็บพนันออนไลน์ โดยในจำนวนตำรวจที่ถูกพาดพิงนั้น มี 2 นายตำรวจสังกัด สอท.อยู่ด้วย นั่นก็คือ ดาบ ย และ รอง ฟ 

ล่าสุด พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. เปิดเผยว่าแนวทางของตำรวจไซเบอร์ หรือของ สอท.เอง เมื่อมีตำรวจที่ถูกพาดพิงส่วนที่ 1.เราจะมีคำสั่งย้ายไปประจำ ศปก.ตร.ก่อน  ส่วนที่ 2. จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 

เมื่อวานนี้ที่มีการพาดพิงเราก็ได้ดำเนินการกับนายตำรวจดังกล่าวทั้งสองส่วนแล้ว คือให้ย้ายไปประจำ ศปก.และตั้งคณะกรรมการสอบสวน เรื่องที่พาดพิงเมื่อวานนี้เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน และพบว่ามีข้อมูลตั้งแต่ปีเก่าๆมาตั้งแต่ปี 62-63 เป็นต้นมา ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบอยู่แล้วหลังจากนี้ 

อยากจะบอกส่วนสื่อมวลชนว่าไม่ต้องกังวลเรื่องการตรวจสอบ เพราะว่ามีการตรวจสอบอยู่แล้ว ยุคนี้ไม่ว่าเป็นข้าราชการหน่วยไหนล้วนแต่ต้องโดนตรวจสอบทั้งสิ้น เชื่อว่าการตรวจสอบเหล่านี้จะเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต เราเป็นข้าราชการเราพร้อมที่จะรับการตรวจสอบ ในส่วนของ สอท. ก็จะดำเนินการทั้งสองส่วนควบคู่กันไป โดยข้อมูลการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ก็พบว่า เป็นข้อมูลที่มีลักษณะใกล้เคียงกับข้อมูลที่เคยมีผู้กำกับสืบสวน จ.สงขลา ไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.เตาปูน ซึ่งขณะนี้ สน.เตาปูน อยู่ระหว่างการสืบสวนดำเนินคดี 

ส่วนที่ทนายตั้มจะไปพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นั้นก็เป็นส่วนที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ดำเนินคดีด้วยส่วนหนึ่ง จึงมองว่า สังคมไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการตรวจสอบ เพราะมีหลายหน่วยงานร่วมตรวจสอบทั้ง สน.เตาปูน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการตรวจสอบในภาพรวมด้วย ส่วนเส้นทางการเงินที่มีลักษณะพาดพิงถึงการกระทำผิดหลายประเภท โดยเฉพาะเว็บไซต์ ซึ่งเป็นเรื่องของเส้นเงินที่ ตำรวจ สน.เตาปูน และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนการต้องทำการตรวจสอบ 

ส่วนที่ถูกมองว่า ลักษณะการเก็บเงินหน้าเสื่อแล้วส่งไปให้บิ๊กตำรวจนั้น พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ก็คงต้องดูหลักฐานที่นำมาชี้แจงกับหลักฐานทางการเงิน ว่า มีลักษณะการเชื่อมโยงกันแบบไหน บางเส้นก็มีครั้งเดียวบางเส้นเองก็มีหลายครั้ง ซึ่งเกี่ยวกับการถูกดำเนินคดีทั้งสิ้น ซึ่งส่วนของ สอท. เป็นการตรวจสอบทางวินัย เพราะคดีอาญาเป็นของ สน.เตาปูน และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และการที่ทนายตั้มกล่าวอ้างว่า มีการนำเงินไปให้บิ๊กตำรวจคนหนึ่งนั้น พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุว่า ก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้สั่งให้ตรวจสอบบุคคลที่ถูกพาดพิงทั้งหมด รวมถึงในภาพรวมของ สอท.ทั้งหมด โดยมีกรอบระยะเวลาในการตรวจสอบให้ดำเนินการให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหน่วยไหนก็ล้วนต้องถูกตรวจสอบทั้งสิ้น และเชื่อว่าการตรยจสอบจะเข้มข้นเรื่อยๆ ในเมื่อเป็นข้าราชการก็ต้องพร้อมรับการตรวจสอบ 

กรณีที่เพจทนายตั้มถูกปิดกั้นก่อนจะมีการแถลงข่าวแล้วถูกตั้งข้อสังเกตุว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับ สอท.หรือไม่นั้น พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุว่า ไม่เกี่ยวกับ สอท.เพราะเพจปิดก็เปิดได้ หากมีการร้องขอไม่กี่ชั่วโมง และไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม เพราะเป็นข้อมูลเดิมๆ 

ทั้งนี้ นักข่าวได้สอบถามเพิ่มเติม ถึงกรณีที่มีการพาดพิงจากการแถลงข่าวของทนายตั้มว่า มีการใช้ห้องหนึ่งใน สอท.เพื่อส่งยอดและรับยอดเงินส่วยทุกวันที่ 25 ของเดือน นั้นมีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร มีห้องอยู่จริงหรือไม่พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุว่า “ไม่ใช่ เพราะลักษณะห้องสามารถนั่นได้ เพราะห้องนั้นเป็นห้องของผู้บังคับบัญชา เป็นห้องรองผู้บัญขาการจะเข้าไปทำอย่างนั้นได้อย่างไร” และตนเองไม่ได้เข้าไปตรวจสอบเพราะเป็นสำนักงานมีหน้าห้องนั่งอยู่ปกติ พร้อมย้ำว่า ตนเองพร้อมให้ตรวจสอบ ใครจะตรยจสอบก็มาตรวจสอบเพราะเป็นข้าราชการก็พร้อมถูกตรวจสอบ 

ส่วนกรณีที่ถูกมองว่า สอท.เป็นแหล่งเงินที่มีการหารายได้กันมหาศาลนั้น พล.ต.ท.วรวัฒน์ ตอบว่า  ไม่ใช่อีก เพราะถ้าตำรวจหน่วยไหนที่เกี่ยวข้องกับภารกิจนั้นๆ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ และมักจะถูกพาดพิงและถูกตรวจสอบ เช่น ตั้งแต่ตนเองรับตำแหน่งมา ก็มีการจับกุมเว็บพนันและยึดทรัพย์ไปหลายพันล้าน  

และนักข่าวยังถามอีกด้วยว่า มองยังไงที่จับบัญชีม้าแต่กลับถูกพาดพิงว่าใช้บัญชีม้าเอง พล.ต.ท.วรวัฒน์  ตอบว่า คงต้องไปให้หน่วยงานภายนอกเข้ามาตรวจสอบเพราะก็สามารถดำเนินคดีกับเราได้ และตนเองได้มีการกำชับในการทำงานให้หนักขึ้นด้วย เมื่อถามว่า สอท.รู้สึกว่าเป็นหนึ่งในหมากที่อยู่เกมของบิ๊กตำรวจหรือไม่ มองว่า ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานก็ต้องรับผิดชอบว่ามีเสียงสะท้อนแบบนี้จะทำอย่างไรให้หน่วยงานอื่นมาตรวจสอบเราได้