กัญชารักษามะเร็งในคน…
ในต่างประเทศมีผลงานวิจัย ที่ชี้ถึงประโยชน์ของ "กัญชา" ว่ามีคุณสมบัติในการรักษามะเร็ง แต่ทว่าในประเทศไทยกัญชายังถือเป็นสิ่งเสพติดให้โทษประเภท 5 ซึ่งผู้เสพต้องระวางโทษปรับ และ/หรือ จำคุก ต่อมารัฐบาลได้เริ่มหาทางแก้กฎหมายเปิดช่องให้ศึกษาวิจัยพืชเสพติดได้อย่างถูกต้อง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้ป่วยมะเร็งบางรายในไทย มีการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคร้าย
นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ทดลองใช้กัญชาในการรักษามะเร็งให้กับผู้ป่วยที่หลายคนคงคุ้นชื่อดี "ลุงตู้ บัณฑูร นิยมาภา"
ภาพจากอีจัน
อีจัน ได้พูดคุยกับลุงตู้เกี่ยวกับการใช้กัญชารักษามะเร็ง ลุงตู้ เล่าว่า เมื่อก่อนตัวเองเป็นตำรวจ เเละเป็นคนที่ใช้กัญชาด้วย กระทั่ง พ.ร.บ.ยาเสพติด ประกาศใช้เมื่อปี 2522 ตนที่รับราชการอยู่ก็ไม่สามารถที่จะใช้กัญชาได้ เลยออกจากตำรวจ
ซึ่งก่อนหน้านั้นก็รู้มาว่ามีผลวิจัยที่บ่งชี้ว่ากัญชานั้นสามารถใช้รักษาโรคได้ด้วย
แต่จุดเริ่มต้นที่หันมาสนใจในการใช้กัญชารักษามะเร็งก็เพราะ น้องสาวเป็นมะเร็งโพรงมดลูก ซึ่งผ่านการฉายแสง ผ่าตัดมาเเล้ว เเต่เเผลที่ผ่าตัดยุ่ยไม่สามารถที่จะเย็บติดกันได้
จึงหันมาสนใจในการกัญชารักษา โดยสกัดกัญชาเพื่อรักษาน้องสาวตัวเอง
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ซึ่งผลวิจัยของสถาบันมะเร็งนานาชาติ ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่าการรักษามะเร็งด้วยกัญชา ได้ผลชัดเจนที่สุด
ตนเลยเริ่มศึกษาหาข้อมูลจนทราบว่า กัญชาทำให้เซลล์มะเร็งฆ่าตัวตาย ตนก็เอามาปรับปรุงให้ได้คุณภาพดีขึ้น
ซึ่งในก้านของกัญชาจะมีสาร CBD (Cannabidiol) ที่ช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ลดการอักเสบบวมโตของแผลหรือเนื้องอก ระงับเซลล์มะเร็งที่กำลังเติบโต ระงับการเกร็งหรือชักกระตุก และสามารถสร้างภูมิคุ้มกันในระบบประสาทได้
ภาพจากอีจัน
เมื่อถามว่า การใช้กัญชามารักษานั้น เป็นการสวนทางกับแพทย์กระแสหลักอย่างสิ้นเชิง
ลุงตู้ บอกว่า ใช่ สวนทางโดยสิ้นเชิง แต่การรักษามะเร็งในกัญชาไม่ต้องเสียเลือดแม้แต่หยดเดียวในการรักษา ไม่ต้องให้คนป่วยทรมานจากคีโม
โดยลุงตู้เปรียบการใช้กัญชา เหมือนการใช้สไนเปอร์ เพราะกัญชาเข้าไปแค่กำจัดเซลล์มะเร็งที่ก่อตัวขึ้น
ถ้าใช้อย่างถูกต้อง ก็มีสิทธิ์กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการใช้คีโมที่มีโอกาสรอดแค่ 3-5 เปอร์เซ็นต์
ดังนั้นผู้ป่วยที่แพทย์ไม่รับการรักษาเเล้ว เเต่เมื่อมารักษากับตนก็จะรู้สึกสบายใจ
เมื่อตนเห็นคนหายป่วยก็มีความสุข