ศาลพระโขนงพิพากษา สาวจอดรถขวางหน้าบ้านป้าทุบรถ จำคุก 15 วัน – ปรับ 5,000 บาท

(26 พ.ย.61) ศาลพระโขนง พิพากษาคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ และ น.ส.มณีรัตน์ แสงภัทรโชติ โจทก์ร่วม กับ น.ส.รชนีกร เลิศวาสนา จำเลย คดีจอดรถกีดขวางทางเข้า-ออกอาคารและก่อความเดือดร้อนรำคาญ

ภาพจากอีจัน


โดยทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “จำเลยกระความผิดจริงตามฟ้อง โดยวินิจฉัย ในประเด็นสำคัญว่า ที่จำเลยอ้างว่าใช้เวลาจอดรถซื้อของเพียง 15 นาที โจทก์อ้างตนเองเบิกความเป็นพยานว่าจำเลยจอดรถขวางหน้าบ้านไม่สามารถนำรถออกได้ จึงบีบแตรใช้เวลานานถึง 30 นาที หากจำเลยจอดรถใช้เวลาไม่นาน โจทก์คงไม่นำเสียมและขวานมาทุบกระจกรถของจำเลย

จำเลยจอดรถขวางใช้เวลาซื้อของตามความประสงค์ของตนเองโดยไม่คำนึงถึงสิทธิของบุคคลอื่น ถือว่าเป็นการกระทำโดยเล็งเห็นผลต่อโจทก์ร่วมทั้งสองอันเป็นการทำให้โจทก์ร่วมทั้งสองได้รับความเดือดร้อนรำคาญบนถนนสาธารณะ ซึ่งประชาชนชอบที่จะใช้สัญจรได้ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำในที่สาธารณสถาน ทั้งเป็นการจอดรถตรงปากทางเข้าออกของอาคารและในลักษณะกีดขวางการจราจรการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 57 (10)(15),148 ต้องระวังโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ส่วนความผิดตาม 397 วรรคสอง จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่เป็นความเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยตามมาตรา 90 พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจเปรียบเทียบปรับจำเลยในความผิดตามพรบ จราจรทางบก เพื่อให้คดีเลิกกัน

เมื่อคดีนี้พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจลงบันทึกประจำวันเปรียบเทียบปรับเพื่อให้ความผิดทั้งหมดรวมทั้งโทษหนักกว่าเลิกกันได้

จำเลยจึงมีความผิดตาม มาตรา 397 วรรคสอง อันเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษ 397 วรรคสอง เป็นบทที่หนักที่สุดจำคุก 15 วัน และปรับ 5,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนเห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดีโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี"

ภาพจากอีจัน


จำได้ไหม ? เหตุการณ์ป้าทุบรถ เหตุการณ์นี้กิดมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2561 ป้าทั้งสองร่วมกัน ได้ใช้ขวานและเหล็กยาวทุบรถยนต์กระบะ นิสสัน รุ่นนาวารา สีขาว ของ น.ส.รัชนีกร เลิศวาสนา ที่มาจอดขวางบริเวณประตูทางออกหน้าบ้านของป้า ในหมู่บ้านเสรีวิลล่า แยก 2 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ จนได้รับความเสียหาย ทั้งที่มีป้ายติดอยู่อย่างชัดเจน จนกลายมาเป็นประเด็นร้อนไปทั้งประเทศ