ทนายตั้ม แฉไม่ยั้ง! จ่อแจ้งความเอาผิด บิ๊ก ต. – ภรรยา ร่วมฟอกเงิน

เรื่องนี้จะจบกี่โมง? ทนายตั้ม เดินหน้าแฉเส้นทางเงินจากเว็บพนันโยงบิ๊กตำรวจ เตรียมแจ้งความเอาผิด บิ๊ก ต. – ภรรยา ร่วมฟอกเงิน พร้อมยืนยันหลักฐานใหม่

30 มี.ค. 67 ทนายตั้ม หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด พร้อมกับภรรยา ได้มาทำบุญที่วัดนครอินทร์ จ.นนทบุรี ซึ่งวัดนี้เป็นหนึ่งในวัดที่ทนายตั้มได้ออกมาแถลงว่า พบเส้นทางการเงินจาก บัญชีม้า โอนไปร่วมทำบุญทอดกฐิน สร้างวิหารที่วัดแห่งนี้ โดยปรากฏชื่อพลตำรวจเอก ต. เป็นประธานในพิธีทำบุญทอดกฐินดังกล่าว รวม 700,000 บาท ซึ่งบัญชีดังกล่าวพบว่าถูกโอนเงินเข้ามาวันที่ 12 พ.ย. 66

ทนายตั้ม บอกอีกว่า ตนตรวจพบเส้นเงินสองเส้น ที่โอนจากบัญชีม้าของเว็บพนันเข้ามาทำบุญที่วัด โดยบัญชีแรกคือบัญชีของ นาย ค. 700,000 บาท และ บัญชีของ นาย ณ. 100,000 บาท ซึ่งตรงกับข้อมูลที่วัดได้ทำการโพสต์ชี้แจงยอดเงินทั้งสองยอด ว่าพลตำรวจเอก ต. ได้ร่วมทำบุญ ซึ่งเป็นหลักฐานใหม่ที่ตนเองเจอ และเตรียมที่จะนำหลักฐานดังกล่าวไปแจ้งความที่ สน.เตาปูน ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน

ซึ่งที่จะไปแจ้งความนั้น เป็นคนละคดีกับที่ได้ยื่นให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบ

ทนายตั้ม ยืนยันว่า ตอนนี้ตนมีหลักฐานพร้อมแล้ว มั่นใจว่าสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองรอหลักฐานจากการส่งบัญชีวัดไปแย้งสำนักงานพระพุทธศาสนา แต่ปรากฏว่าวัดไม่ได้ส่งบัญชีไป ดังนั้นจึงขอให้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาเข้ามาตรวจสอบการโอนเงินทำบุญนี้ด้วยนอกจากนี้ ทนายตั้ม ยังอธิบายเส้นทางการเงิน ขั้นตอนการโอนจากบัญชีม้าของเว็บพนันออนไลน์ กว่าจะไปถึงภรรยาของตำรวจยศใหญ่ ว่า โอนกัน 4-5 รอบ โดยเริ่มจากบัญชี พ. โอนไปให้ ค. จากนั้น ค. โอนไปให้ ณ. และ ณ. ก็โอนวนอยู่บัญชีม้าที่ตนเองถืออยู่ ก่อนจะโอนไปให้ภรรยาของตำรวจยศใหญ่คนดังกล่าว โดยเป็นการโอนเงินช่วงปี 2562- ต.ค.2566

ซึ่งในช่วงเวลานี้ จากหลักฐานที่ตนเองพบ 38 เส้นทางการเงินนั้น มีบัญชี ณ. โอนตรงไปบัญชี ภรรยาพลตำรวจเอก ต. 2 บัญชีเมื่อถามถึง กรณีที่ ทีมทนายความของ พลตำรวจเอก ต. ระบุว่าหลักฐานดังกล่าวของทนายตั้มนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทนายตั้ม ก็ระบุว่า หากไม่ชอบด้วยกฎหมายจริงก็ให้ไปฟ้องร้องดำเนินคดี แต่ที่ยังอยู่เฉย ก็เพราะเป็นของจริง ซึ่งตนพร้อมจะเปิดหลักฐานทั้งในชั้นศาลและการแถลงข่าวส่วนที่ถูกมองว่าการที่ทนายตั้ม ได้หลักฐานมานั้นมีส่วนรู้เห็นกับเจ้าหน้าที่ ตนยืนยันว่า หากพบว่าใครไปดูทะเบียนราษฎร์ของ ผบ.ตร. ก็ให้ดำเนินคดีไปได้เลยแต่ยืนยันว่าไม่ใช่คนของตัวเองอย่างแน่นอนส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนะพงษ์ ทีมทนายความของ ผบ.ตร. กล่าวอ้างถึงการฟ้องร้อง ระหว่างตนไปมานั้น ยืนยันว่า นายอัจฉริยะ พูดไม่ตรงกับความจริง

เรื่องนี้ต้องดันให้สุด เพราะอีกหนึ่งก็คือต้องพิสูจน์ตัวเอง ครั้งนี้ผมออกมาทำเพื่อประชาชน ไม่ได้ต้องการต่อรองและตบทรัพย์ ยืนยันว่าไม่มีใครติดต่อมาเพื่อที่จะขอให้ยุติเรื่องดังกล่าว แต่ยอมรับว่าทุกวันนี้ผมนอนไม่ค่อยหลับ อยู่ด้วยความหวาดระแวง แม้กระทั่งเช้านี้ก่อนที่จะมาทำบุญ ก็ถูกรถจักรยานยนต์ปริศนาขับตาม แต่ตนก็ขับหนีทัน

ทนายตั้ม กล่าว.