เปิดประวัติ “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้ท้าชน บิ๊กโจ๊ก หมัดต่อหมัด

เปิดประวัติ “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ตำรวจนักสืบผู้ไม่เกรงกลัวอิทธิพล ท้าชน “บิ๊กโจ๊ก” ชี้มีหลักฐานเอี่ยวเว็บพนันมินนี่

‘อีจัน’ พาทำความรู้จัก “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ตำรวจนักสืบผู้ไม่เกรงกลัวอิทธิพล ท้าชน “บิ๊กโจ๊ก” ชี้มีหลักฐานเอี่ยวเว็บพนันมินนี่

จากกรณี “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ ได้เผยว่า เตรียมร้องทุกข์กล่าวโทษ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในความผิดตามมาตรา 157 กับ 149 เพราะมีหลักฐานชี้ชัดว่า เงินจากบัญชีม้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการขยายผล

แต่ต่อมา “บิ๊กโจ๊ก” ได้ออกมาแถลงข่าวยืนยันความบริสุทธิ์ พร้อมบอกว่าตอนนี้ยันไม่ถูกแจ้งข้อหาคดีเว็บพนัน และฝากถึงตำรวจทุกนายว่าให้มาแข่งกันทำงานดีกว่า ไม่ใช่แข่งอิจฉาริษยา

เรียกได้ว่าท้าชนกันหมัดต่อหมัด จนวงการตำรวจลุกเป็นไฟเลย ทำชาวเน็ตคนต่างสนใจถึงประวัติความเป็นมาของ “บิ๊กเต่า” กันยกใหญ่ ซึ่ง ‘อีจัน’ รวบรวมมาให้แล้วค่ะ

บิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เป็นชาวจังหวัดสุพรรณบุรี พ่อเป็นเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ และแม่ทำอาชีพขายลอตเตอรี โดย “บิ๊กเต่า” จะอยู่กับบิดาส่วนใหญ่ เขามีโอกาสได้เข้าไปเดินเล่นอยู่ในเรือนจำสุพรรณบุรี และได้เห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่บ่อยครั้ง จนทำให้เขาใฝ่ฝันอยากเป็นนักสืบนอกเครื่องแบบ

ในช่วงวัยเด็ก “บิ๊กเต่า” ต้องช่วยครอบครัวเลี้ยงหมู 300 – 400 ตัว พอเห็นแม่ขายลอตเตอรีและมีรายได้จึงอยากมีรายได้ตาม เขาจึงรับปลาท่องโก๋ ซาลาเปา มาขาย และนำเป็ดมาเลี้ยงเพื่อนำไข่ไปขาย เขาหารายได้แบบนี้เป็นประจำ จนมีทุนได้เรียนต่อ

พอจบ ม.3 ได้เข้ามาเรียนต่อกรุงเทพฯ จนจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 45 และได้รับบรรจุแต่งตั้งเป็นผู้กำกับการตำรวจชายแดนที่ 14 เริ่มรับราชการเป็นตำรวจตระเวนชายแดน กองร้อย ตชด.144 อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี โดยเป็น 50 คนสุดท้ายที่ได้เป็น ตชด.

สมัยเริ่มต้นเป็นตำรวจตระเวนชายแดนที่เพชรบุรี เขาเป็นหัวหน้าในการจับกุมในหลายคดี พาลูกน้องออกไปจับกุมในคดีต่างๆ จนทำให้กองร้อย ตชด.144 มีผลการจับกุมอันดับ 1 ของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และทำให้เขาได้เลื่อน 2 ขั้น 221 มาโดยตลอด

“บิ๊กเต่า” ยังใช้หลักการทำงานตอนอยู่ ตชด. จับหมดไม่ว่าใครจะเป็นนักการเมือง ไม่เคยเกรงกลัวผู้มีอิทธิพล อำนาจมืด เพราะทุกครั้งในการจับกุมจะมีเหตุผลเสมอ โดยมี พล.ต.ท.สาโรจน์ ปัญญา เป็นผู้คอยชี้นำ

ก่อนได้เลื่อน 2 ขั้น เขาได้เลื่อนยศเป็นว่าที่ร้อยโทและเพิ่งจบว่าที่ร้อยตรี เมื่ออายุประมาณ 23–24 ปี และได้เลื่อน 2 ขั้นจนครบ 5 ปี เขาจึงได้เป็นว่าที่ร้อยเอกและมีฐานเงินเดือนที่สูงกว่าคนอื่น

ต่อมา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ได้ชักชวนเขาเป็นหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดของกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จนกระทั่ง “บิ๊กเต่า” เรียนหลักสูตรสารวัตรคนแรกของตำรวจตระเวนชายแดน และได้ย้ายมาเป็นมือปราบยาเสพติด ในช่วงอายุประมาณ 27–28 ปี ที่กองบังคับการปราบปราม กำกับ 5 ภาคกลางและภาคใต้ จนใต้ฉายา “ผู้กองเต่า”

“บิ๊กเต่า” ได้ให้คำนิยามตัวเองว่า “ผมคือมดงาน” หมายถึง ผู้บังคับบัญชาสั่งให้ทำคดี เขามักจะทำสำเร็จทุกคดี โดยมีสโลแกนของ พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ นั่นคือ “ทำไม่ได้ ไม่มี” เพราะทุกงานที่ได้รับมอบหมาย เขานั้นจะทำจนสุดความสามารถและทำเพื่อประชาชนให้อยู่อย่างสงบสุข

จากนั้น “บิ๊กเต่า” ได้เริ่มจากตำแหน่ง สารวัตร นปพ.ภาค 7 , รอง ผบก. ป. เมืองโคราช, ผกก.สืบสวนสอบสวนนครบาล 2 , รองผู้การกองปราบปราม , รอง ผบก.ทล. , ผบก.ปปป. และในปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และได้เป็นรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ จนมีประเด็นเดือดระหว่าง บิ๊กเต่า กับบิ๊กโจ๊กเกิดขึ้น


คลิปอีจันแนะนำ

บิ๊กโจ๊ก กับ บิ๊กเต่า พูดเรื่องเดียวกัน เเต่ไม่มีใครเอ่ยถึงใคร ?