
ประกาศสู้ศึก #AIS จับมือ #รัฐบาล ยกระดับตัดวงจร ลากไส้ต้นทาง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ลวงโลก

วันนี้ 8 พฤษภาคม 2568 AIS ร่วมกับ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ กสทช. ประกาศสู้ศึกรวมพลังเครือข่ายปลอดภัย ขับเคลื่อนประเทศไทย สู่เป้าหมาย “ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์”
พร้อมเดินหน้าเต็มกำลัง ยกระดับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศ ตัดวงจรมิจฉาชีพตั้งแต่ต้นทาง

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญในการรับมือภัยไซเบอร์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สร้างความเสียหายต่อประชาชน ที่ผ่านมาสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้เดินหน้าทำงานเชิงรุกผ่าน 3 แกนหลัก ทั้งการกำหนดและพัฒนากฎหมาย สร้างความร่วมมือ ประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ และการยกระดับความมั่นคงระดับประเทศ
โดยมีเป้าหมาย เพื่อเร่งปราบปรามยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ และขจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผ่านการดำเนินการทั้งในเชิงนโยบาย เชิงปฏิบัติ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ภายใต้ปฏิบัติการ “Seal Stop Safe”

ตลอดจนมาตรการซีลชายแดน ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก้ไขกฎหมายควบคุมบัญชีม้า ซิมม้า รวมถึงบูรณาการการทำงานร่วมกับองค์กรภาครัฐอย่าง กสทช , ธนาคารแห่งประเทศไทย, ปปง. และกระทรวงดิจิทัลฯ รวมถึงภาคเอกชน ธนาคาร บริษัทโทรคมนาคม และแพลตฟอร์มดิจิทัล
รัฐบาลยังคงเดินหน้ายกระดับ นโยบายความปลอดภัยทางไซเบอร์สู่ระดับชาติ และบูรณาการกับทุกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อร่วมสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัย ถือว่าเป็นวาระแห่งชาติ เป็นภารกิจร่วมของทุกๆ คนในประเทศ

ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เผยว่า ในวันนี้สังคมไทย กำลังเผชิญกับปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือภัยไซเบอร์ ที่ถูกพัฒนาโดยกลุ่มมิจฉาชีพในหลายรูปแบบ และทวีความรุนแรงมากขึ้น
นำมาซึ่งความสูญเสียทั้งด้านข้อมูลส่วนบุคคล และทรัพย์สินเป็นมูลค่ามหาศาล

จากสถิติการแจ้งความออนไลน์สะสม ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 – 30 เมษายน 2568 มีคดีออนไลน์ 887,315 เรื่อง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 8.9 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยความเสียหาย 77 ล้านบาทต่อวัน
ไม่ว่าจะเป็นการถูกหลอกให้โอนเงิน ผ่านแอปพลิเคชันปลอม ถูกดูดเงินจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว หรือแม้แต่ถูกล้วงข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางมิชอบ จึงมีความจำเป็นต้องยกระดับมาตรการป้องกัน และแก้ไขในทุกมิติ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนโดยเร็ว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการเชิงรุก ทั้งในด้านการป้องกัน ปราบปราม และพัฒนาโครงสร้างการทำงานให้สอดรับ กับพฤติกรรมอาชญากรรมยุคใหม่ ซึ่งได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ศปอส.ตร. เพื่อรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และเปิดปฏิบัติการเชิงรุก พร้อมใช้เทคโนโลยี AI และระบบวิเคราะห์ธุรกรรม เพื่อติดตามเส้นทางการเงินของขบวนการอาชญากรเหล่านี้
และยังได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่าย รวมถึงผู้ให้บริการเครือข่ายอย่าง AIS เพื่อเชื่อมโยงการทำงานร่วมกันและขยายผลสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมั่นว่าการยกระดับความร่วมมือสู่ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในครั้งนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไทยให้ปลอดภัยจากภัยไซเบอร์อย่างยั่งยืน

ทางด้าน นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส เผยว่า AIS ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลที่ มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงผู้ใช้งานสู่โลกออนไลน์ เรามุ่งมั่นเดินหน้าสร้างภูมิคุ้มกันทางไซเบอร์และทักษะออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ภารกิจ “Cyber Wellness for THAIs” เพื่อเสริมสร้างการใช้งานที่ปลอดภัย ทั้งการปฏิบัติตามมาตรการของหน่วยงานภาครัฐ ควบคุมระดับเสาสัญญาณมือถือในพื้นที่ชายแดน ปฏิบัติการร่วมกับตำรวจลงพื้นที่ปราบปรามมิจฉาชีพและแก๊งคอลเซ็นเตอร์
พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเสริมความปลอดภัยไซเบอร์ เช่น บริการสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center และ บริการ *1185# แจ้งอุ่นใจ ตัดสายโจร รวมถึงการสร้างภูมิคุ้มกัน และพัฒนาทักษะดิจิทัลให้ประชาชน ผ่านหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ และการสร้างตัวชี้วัดสุขภาวะด้านดิจิทัล

การสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ไม่ใช่หน้าที่ขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกฝ่าย ความร่วมมือภายใต้ภารกิจ “ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” ในครั้งนี้
เป็นการรวมพลังจากทุกภาคส่วน ภายใต้โมเดล 3 ประสาน ได้แก่ เรียนรู้ (Educate) สร้างความเข้าใจและทักษะในการป้องกันภัยไซเบอร์ ให้กับเครือข่ายทั้ง Ecosystem เพื่อยับยั้งปัญหาดังกล่าว ตั้งแต่ต้นทาง, ร่วมแรง (Collaborate) ผนึกกำลังกับพาร์ทเนอร์ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมสื่อสารและสร้างแรงขับเคลื่อนสังคม และเร่งมือ (Motivate) รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนขับเคลื่อนกฎระเบียบ หรือกติกา แก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นสังคมดิจิทัลที่มั่นคงและปลอดภัยอย่างยั่งยืน












