สัมภาษณ์พิเศษ กับ จิมมี่ ชวาลา บุคคลอันเป็นที่รักของชาวนครศรีธรรมราช

อีจันได้ยินชื่อเสียงของผู้ชายคนนี้มาสักพักแล้ว กับความใจดี ใจบุญ มีน้ำใจกับผู้ที่ด้อยกว่า จนเขาได้ฉายาว่า "จิมมี่ เศรษฐีใจบุญ" ที่ผ่านมาคุณจิมมี่มักบริจาค หรือมอบสิ่งของช่วยเหลือในโอกาสต่างๆเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวดีๆ หรือช่วงที่มีภัยพิบัติเกิดขึ้นในประเทศไทย

ซึ่งล่าสุดอีจันได้ไปเกาะติดสถานการณ์พายุปาบึกเข้าที่ จ.นครศรีธรรมราช และอีกครั้งที่คุณจิมมี่ ได้มอบขนมปี๊บ 2,000 ปี๊บ ให้กับผู้ประสบภัยชาวบ้านแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ที่บ้านอยู่ริมทะเล เป็นโซนที่จะถูกพายุเคลื่นขึ้นฝั่งโซนแรก ซึ่งชาวบ้านต้องอพยพมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อรอให้พายุเคลื่นผ่านไป จึงจะกลับไปอยู่ที่บ้านได้ 

อีจันเกาะติดสถานการณ์อยู่ 5 วัน ก่อนกลับจึงได้ลองไปขออนุญาตพบคุณจิมมี่ที่ ร้านผ้าจิมมี่ ซึ่งเป็นร้านค้าผ้าของคุณจิมมี่เอง เพื่อพูดคุย สัมภาษณพิเศษกับ เศรษฐีผู้ใจบุญคนนี้ ซึ่งในวันนี้นคุณจิมมี่ไม่ค่อนสบาย แต่ก็ยังยินดีต้อนรับอีจัน และให้โอกาสได้พบเจอ เราจึงสอบถามถึงประวัติของคุณจิมมี่ ชวาลา ว่าเขาเป็นใคร ?

คุณจิมมี่เป็นพ่อค้าผ้าชาวไทย เชื้อสายอินเดีย เขาเล่าว่า เขาเกิดที่ จ.นครศรีธรรมราช เกิดในปี พ.ศ.2500 ขณะนี้อายุ 61 ปี ช่วงวัยเด็กคุณจิมมี่เรียนจบป.2 ที่นครศรีธรรมราช จากนั้นไปเรียนต่อที่ประเทศอินเดีย ช่วงซัมเมอร์ก็จะกลับมาบ้านที่นครฯ ช่วยพ่อกับแม่ขายผ้า

"จริงๆแล้วผมติดตัวพ่อแม่ไปขายผ้าตามตลาด เอาพลาสติกปูกับพื้นอะไรแบบนี้ มันไม่มีอะไรที่จะเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ว่าคุณแม่แบกท้องผมไปขายผ้าจนถึง 8 เดือนแล้วจึงหยุด"

ตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษของคุณจิมมี่เข้ามาอาศัยที่นครศรีธรรมราชเกือบ 100 ปีแล้ว มีอาชีพค้าขายมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นขายถ่าน ขายข้าวสาร รวมทั้งขายผ้า ในตอนแรกที่ตั้งร้านใช้ชื่อร้านว่า ร้านนายชม เป็นร้านของคุณปู่ทวด จากนั้นก็สืบทอดกันมานานกว่า 70 ปี กระทั่งเปลี่ยนชื่อร้านเป็น ร้านผ้าจิมมี่ จนถึงปัจจุบัน ในช่วงอายุ 18 ปี คุณจิมมี่อยากเรียนหมอ แต่ตอนนั้นเป็นช่วงที่คุณพ่อป่วยและเสีย ทำให้สมัครสอบไม่ทัน เลยตัดสินใจรับช่วงต่อ และค้าขายผ้าจนมีฐานะมั่นคงถึงตอนนี้

"พูดก็พูดว่าคุณปู่คุณย่า เขาเป็นคนสร้างรางรถไฟ คุณพ่อกับคุณแม่เป็นคนสร้างหัวรถจักร ผมมันเป็นคนขับเท่านั้นเอง แต่ละช่วงความลำบากมันไม่เหมือนกัน แต่เรามาในช่วงนี้เรานึกว่าบรรพบุรุษเราแสนลำบาก เพราะเขาก็มาแบบเสื่อผืนหมอนใบอย่างนี้ครับ"

เราถามคุณจิมมี่ถึงความใจดี ซึ่งคำตอบที่ได้คือ
"ผมเป็นคนใจดีแบบนี้อยู่แล้วไหม ผมตอบไม่ได้หรอก กระจกเท่านั้นที่จะตอบได้ มวลชนเท่านั้นที่จะตอบได้ สิ่งแบบนี้เราตอบไม่ได้หรอก"

คุณพ่อคุณแม่ มีคำสอนและมีคติแบบไหนในการเลี้ยงดู ?
"อะไรที่แบ่งปันได้กรุณาแบ่งปัน จะมีน้อยมีมากก็ขอให้แบ่งปัน ถ้าเราอยู่พอดีแล้วก็ให้นึกถึงคนอื่น เพราะเราเคยเจอสภาพที่ว่า เราไม่มีเลยจริงๆ จนตอนนี้ 40 ปีแห่งความมุมานะ จนมันก็พอจะซื้อบริเวณนี้เป็นอาณาจักรเล็กๆนะครับ ก็พยายามครับ พยายามที่จะทำอะไรก็ได้ที่ว่า ผมทำแล้วผมมีความสุขแล้วคนอื่นก็มีความสุขด้วย และความสุขของผมก็จะพบจากรอยยิ้มของเขา อะไรแบบนี้ครับ"

บุญไหนที่เคยใช้เงินสูงที่สุด?
"ตอนที่องค์พระธาตุ ตอนที่เขาอยากจะเปลี่ยนทอง บูรณะครับ ช่วงนั้นก็ประมาณ 28 ล้านได้"
คุณจิมมี่เล่าถึงที่มาของการบริจาคเงินบูรณะพระธาตุครั้งนี้ด้วยว่า เขาได้ไปไหว้พระที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร แล้วได้ยินมีคนตำหนิยอดพระธาตุ คุณจิมมี่จึงตัดสินใจทันทีว่าจะมอบเงินเพื่อเปลี่ยนยอดพระธาตุให้เป็นทอง

เราจึงได้ถามคุณจิมมี่ไปว่า อยากให้นครศรีธรรมราช เป็นอย่างไร ซึ่งคุณจิมมี่ก็บอกว่า อยากให้ทุกคนทำความดีและเป็นคนดี
"คนเดี๋ยวนี้ ถ้าคนทำดีคนหนึ่งขึ้นไป 8 คนอยากจะทำเป็นตัวอย่าง แต่ 2 คนไปวิจารณ์ซะแล้ว มันจะมีอะไรล่ะในประเทศ ประเทศไทยเราเนี่ยควรจะภูมิใจที่สุดในโลกเลย เราหมั่นกันสิคนละนิดคนละหน่อย เอาความดีของตัวเองออกมาช่วย ช่วยเพื่อนบ้าน ช่วยสังคม ช่วยให้โลกมันเป็นโลกที่น่าอยู่ ให้มันไปไหนได้แล้วทุกคนเห็นเราตั้งแต่ไกลๆแล้วยิ้มให้เลย"

อีจันได้ถามถึงความรู้สึกที่คุณจิมมี่ได้รับฉายาว่า เศรษฐีใจบุญ เขารูสึกอย่างไร?
"เศรษฐีกับคนรวยมันต่างกัน ในสมัยพุทธกาล คนที่มีทรัพย์เขาเรียกว่าคนรวย แต่คนที่มีทรัพย์ มีเงินแล้วมีใจที่เผื่อแผ่ นั่นแหละเขาจึงเรียกเศรษฐี เพราะว่าความหมายมันลึกซึ้งมาก คนรวยในนครฯมีเยอะ แต่ว่าจะแบ่งปันมีสักกี่คน อย่างน้อยร้อยล้านตัวเองกินไม่หมดหรอกตลอดชีวิต ทำไมไม่เอาดอกเบี้ยหรือผลกำไรที่ได้ มาแบ่งปันให้คนที่ไร้โอกาส"

นอกจากนี้คุณจิมมี่ยังฝากพรทิ้งท้ายให้กับอีจันและลูกเพจอีจันทุกคนด้วยว่า
"อยากให้ทุคนมีวคามสุข อยากให้ทุกคนเสียสละ อะไรที่เสียสละได้นะครับ ถ้าเสียสละแล้วเข้าตัว เบียดเบียนตัวเองอย่าทำมันเป็นบาป แต่ถ้าอะไรที่ทำแล้วเป็นความสุข ไม่เบียดเบียนตัวเอง ทำไปเถอะ แล้วผมจะสวดมนต์ให้"