นายกฯอิ๊งค์ กร้าว! จะไม่ยอมให้ใครมาใส่ร้าย เราก็เป็นประเทศที่แข็งแรงเช่นกัน

นายกฯแพทองธาร กร้าว! จะไม่ยอมให้ใครมาใส่ร้าย เราก็เป็นประเทศที่แข็งแรงเช่นกัน ถ้าวันนี้ไม่เคารพกฎกติกาก็จะไม่ถูกยอมรับโดยทั่วโลก ปมปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

วันนี้ (16 มิ.ย.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังประชุมร่วมกับคณะทำงานที่เข้าประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 14-15 มิ.ย.68 ว่า วันนี้ที่ประชุมมีการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อติดตามสถานการณ์ ชื่อ ทีมไทยแลนด์ และให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมช่วยติดตาม ส่วนศาลโลกเราไม่ยอมรับอำนาจ โดยตั้งทีมเพื่อดูเรื่องการตอบโต้ว่าทำอะไรได้บ้าง โดยศึกษาเรื่องกฎหมายและกรอบการทำงานที่ทำได้

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า กรณีปิดด่าน ไทยไม่ได้ปิดด่าน และกำหนดเวลาเปิด-ปิด ซึ่งไทยได้ทราบจากเพจกลาโหมของกัมพูชา เมื่อคุยกันเรียบร้อยแล้วจึงกำหนดเวลาของการเปิด-ปิดด่าน โดยต่างฝ่ายต่างกำหนดเวลา

นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ว่า ต้องการสันติภาพให้เกิดขึ้น รักษาชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ และพยายามคุยให้อยู่ในกรอบทวิภาคี เพื่อให้เป็นไปตามกลไกระหว่างประเทศ แน่นอนว่าการคุยกันหลังไมค์มีแน่นอน แต่สิ่งที่สื่อสารออกมาทางโซเชียลทำให้เกิดความวุ่นวายในการจัดการ ทั้งสิ่งที่คุยกันหลังไมค์และที่คุยกันอย่างเป็นทางการ ซึ่งการสื่อสารแบบนี้ทำให้เกิดผลลบกับทั้งสองประเทศ การที่จะประกาศปิดด่านเลยเป็นผลกระทบกับพี่น้องประชาชนทั้งสองประเทศ ดังนั้นเราจึงไม่ปิดด่านแต่ปรับเวลาเข้าออกของคนและสินค้า ซึ่งวันนี้ก็แจ้งกัมพูชาอยู่แล้วว่าจะมีการประชุมก่อน เพื่อส่งข้อความถึงนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อเสนอให้มีการประชุม RBC การประชุมระดับกองทัพว่าจะอย่างไรต่อ ซึ่งได้เห็นข้อความที่อยู่ในเฟซบุ๊กแล้เป็นการสื่อสารที่ไม่อยู่ในกรอบ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุม JBC เป็นการประชุมกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งเรายอมรับผลการประชุมนี้ ซึ่งในเรื่องของ JBC ไม่ใช่ปัญหา ในเนื้อความไม่ได้ติดขัด ไม่ได้พลิกล็อก  พร้อมระบุว่า การสื่อสารแบบนี้ไม่ได้เกิดผลดีกับทั้งสองประเทศ เพราะคนหน้างาน กับคนที่รับฟังข่าวสารเป็นคนละคน การตัดสินใจอะไรลงไปต้องเห็นใจคนที่อยู่หน้างานด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าอยู่ตรงนี้ แล้วเกิดการปะทะกัน อย่างรุนแรงตรงชายแดน  นั่นแปลว่า ฉันต้องรับรู้ ถ้าดิฉันต้องตกลง ในการปะทะ ต้องมีการคุยกับทหารว่า พร้อมหรือไม่  ไม่ใช่จู่ๆจะมีเรื่อง แล้วจุดไฟให้ติดได้เลย ซึ่งกองทัพกับรัฐบาล เห็นตรงกันว่าจะทำอย่างไรที่จะปกป้องอภิปไตย แต่ทำอย่างไรให้ยืดการปะทะไม่ให้เสียเลือดเนื้อออกไป ขอย้ำว่า รัฐบาลกับกองทัพ ไม่เคยตีกัน มีปัญหากัน  เราคิดเหมือนกัน จะทำยังไง ให้ยืดการปะทะการ เสียเลือดเนื้อออกไป ไม่ให้เกิดขึ้น  แต่ยังคงรักษาอธิปไตยไว้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เราไม่ได้ต่อสู้กันเอง เราพูดในข้อความที่ตรง เราพูดในข้อความที่ประเทศไทยเป็นปึกแผ่น เราจะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ให้ใครมาใส่ร้าย ให้ใครมาขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรี เป็นประเทศที่แข็งแรงเช่นกัน ถ้าวันนี้ไม่เคารพกฎกติกาก็จะไม่ถูกยอมรับโดยทั่วโลก