เปิดประวัติ “ปราสาทพระวิหาร” จุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา 

เปิดประวัติ “ปราสาทพระวิหาร” โบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ จุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่พิพาทยาวนานนับศตวรรษ

จากกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เช้าวันนี้ (24 ก.ค.68) ทหารกัมพูชา เปิดฉากยิงไทย บริเวณพื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และบริเวณพื้นที่ ปราสาทโดนตวล จ.ศรีสะเกษ  

เมื่อย้อนกลับไปหลาย 10 ปีก่อน “ปราสาทพระวิหาร” ก็เป็นอีกหนึ่งโบราณสถาน ที่เป็นจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ ระหว่างไทย-กัมพูชา อย่างชัดเจน 

ปราสาทพระวิหาร (ภาษาเขมร: ប្រាសាទព្រះវិហារ, ภาษาอังกฤษ: Preah Vihear Temple) คือหนึ่งในโบราณสถานที่สำคัญที่สุดของยุคอารยธรรมขอม ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงของเทือกเขาพนมดงรัก บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งแม้จะงดงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปกรรม แต่กลับกลายเป็นศูนย์กลางข้อพิพาทระหว่างไทย และกัมพูชา ยาวนานนับศตวรรษ 

 ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์แห่งอารยธรรมขอม ได้มีการสร้างปราสาทศักดิ์สิทธิ์ขึ้นบนยอดเขาสูงเสียดฟ้า ที่ซึ่งมองเห็นผืนป่ากว้างใหญ่ไพศาล ปราสาทพระวิหาร แห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 15–17 ในยุคของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 และ 2 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรขอม ถูกออกแบบให้แตกต่างจากปราสาททั่วไปของยุคนั้น ด้วยผังจากทิศเหนือสู่ทิศใต้ที่เรียงตัวเป็นแนวสูงขึ้นสู่ยอดผา เสมือนกำลังไต่ขึ้นสู่เขาพระสุเมรุ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งจักรวาลตามคติศาสนาฮินดู 

ที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่ที่กษัตริย์ขอมใช้เชื่อมต่อกับเทพเจ้า และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่สามารถควบคุมเส้นทางติดต่อในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อแสงแห่งอาณาจักรขอมเริ่มโรยรา ปราสาทแห่งนี้ก็ค่อยๆ เงียบสงัด ถูกปล่อยทิ้งให้รกร้างตามกาลเวลา นานนับร้อยปี 

 จนกระทั่งถึงปลายศตวรรษที่ 19 นักสำรวจชาวฝรั่งเศสได้ค้นพบปราสาทพระวิหารอีกครั้ง ในยุคที่กัมพูชาอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของแผนที่ “ภาคผนวกที่ 1” ซึ่งกลายมาเป็นต้นตอของความขัดแย้งด้านเขตแดนระหว่างไทยและกัมพูชาต่อมา 

ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ความขัดแย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ในปราสาททวีความเข้มข้น กัมพูชาได้นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งในปี พ.ศ. 2505 ศาลได้วินิจฉัยให้ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา พร้อมสั่งให้ไทยถอนกำลังทหารและส่งคืนวัตถุโบราณ อย่างไรก็ตาม คำตัดสินนั้นไม่ได้ให้ความชัดเจนในเรื่อง “พื้นที่โดยรอบ” ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงไม่รู้จบ 

หลายทศวรรษต่อมา ความขัดแย้งได้ปะทุขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2551 เมื่อกัมพูชาผลักดันให้ยูเนสโกขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว จุดชนวนความไม่พอใจอย่างรุนแรงจากฝ่ายไทย จนนำไปสู่เหตุปะทะทางทหารที่ยืดเยื้อถึงปี พ.ศ. 2554 ก่อนที่กัมพูชาจะยื่นเรื่องขอให้ศาลโลกตีความคำตัดสินเดิมอีกครั้ง และในปี พ.ศ. 2556 ศาลก็มีคำวินิจฉัยเพิ่มเติมให้พื้นที่โดยรอบตัวปราสาทอยู่ภายใต้การควบคุมของกัมพูชา ไทยจึงต้องถอนกำลังออกอย่างเป็นทางการ 

ความสำคัญของปราสาทพระวิหารใน 4 มิติ 

ประวัติศาสตร์ : เป็นหลักฐานสำคัญของความรุ่งเรืองแห่งอารยธรรมขอม 

ศิลปกรรม : ตัวอย่างงดงามของสถาปัตยกรรมแบบบาเปวน–นครวัด 

การเมือง : สะท้อนประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างไทย–กัมพูชา 

มรดกโลก : ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกในปี 2551 

แม้ว่าข้อพิพาทเรื่องปราสาทพระวิหารจะจบลง แต่เหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชายังไม่จบ หลังจากทหารกัมพูชา เปิดฉากยิงไทย บริเวณพื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (24 ก.ค.68)