
ประเด็นการใช้วัคซีนคุมกำเนิดให้กับช้างป่า กำลังเป็นที่ถกเถียงกัน ชาวเน็ตต่างตั้งข้อสงสัยว่า สมควรแล้วหรือ?
‘อีจัน’ จะพาย้อนไทม์ไลน์ดูค่ะว่า ประเด็นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 67 นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช แจ้งว่า จากการสำรวจตัวเลขประชากรช้างป่า 4,013-4,422 ตัวใน 16 กลุ่มป่าอนุรักษ์ พบว่ามีอัตราการเกิดมากถึง 8% ต่อปี มากสุดในผืนป่าตะวันออกเกือบ 600 ตัว ทำให้พบปัญหาช้างออกนอกพื้นที่บ่อยขึ้น และเกิดความขัดแย้งของคนกับช้างป่า ถึงแม้จะมีความพยายามในการแก้ปัญหาให้คนอยู่ร่วมกับช้างได้ แต่การขยายพื้นที่เกษตรทำให้พื้นที่ป่าอนุรักษ์ลดลง

วันที่ 30 ธ.ค.67 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้กล่าวถึง การแก้ปัญหาช้างป่า โดยให้นโยบายกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้หลักการ “ช้างอยู่ได้ คนอยู่ได้” ซึ่งต้องมีการดูแลควบคุมประชากรช้างป่า เพื่อป้องกันความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
ทั้งนี้คณะกรรมการ มีมติเห็นชอบให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืชดำเนินตามกรอบมาตราการแก้ไขปัญหาช้างป่า 6 ด้าน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานอนุรักษ์และจัดการช้างให้เป็นระบบ ประกอบด้วย
1.การจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อเป็นแหล่งอาศัยของช้างป่า
2.แนวป้องกันช้างป่า
3.ชุดเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า และเครือข่ายชุมชน
4.การช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า
5.การจัดการพื้นที่รองรับช้างป่าอย่างยั่งยืน
6.การควบคุมประชากรช้างป่าด้วยวัคซีนคุมกำเนิด
ซึ่งเมื่อได้มีนโยบายการฉีดวัคซีนให้กับช้างป่า ก็ทำให้มีประเด็นดรามาจากชาวเน็ตที่โหมกระหน่ำว่าไม่สมควรที่จะให้มีนโยบายแบบนี้เกิดขึ้นหรือไม่?


ต่อมา กรมอุทยานฯ ได้ออกมาชี้แจงว่า การควบคุมประชากรช้างป่าโดยวัคซีนคุมกำเนิด ต้องผ่านการศึกษาวิจัย ตามหลักวิชาการ และมีผลการทดสอบยืนยันความปลอดภัยต่อช้าง เป้าหมายเฉพาะพื้นที่ที่มีประชากรช้างป่ามากจนกระทบความเป็นอยู่ของประชาชน ยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งปัจจุบันและมีแนวโน้มสูงขึ้น ปัญหาคนกับช้างป่าเกิดขึ้นครอบคลุมพื้นที่กว่า 42 จังหวัดทั่วประเทศ ก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งคนและช้างป่าเป็นจำนวนมาก โดยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 – ปัจจุบัน การควบคุมประชากรช้างป่าด้วยวัคซีนคุมกำเนิด เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนและข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ได้มอบหมายและสั่งการให้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการโดยเร่งด่วน เป็นความพยายามและมุ่งมั่นต่อสังคมในการแก้ไขปัญหาช้างป่าที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน

ด้านของคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ศึกษาวิจัยการใช้วัคซีนคุมกำเนิด SpayVac® แก่ช้างป่า ซึ่งมีการใช้งานจริงในช้างแอฟริกา โดยได้ทดลองฉีดวัคซีนคุมกำเนิดในช้างเพศเมียเต็มวัย จำนวน 7 เชือก ตั้งแต่เดือน เมษายน พ.ศ. 2567 มีการเก็บตัวอย่างเลือด ตรวจสุขภาพ โดยวัคซีน 1 เข็ม จะควบคุมได้ระยะยาว 7 ปี และไม่มีผลต่อพฤติกรรมและสรีระของช้าง เป็นเพียงควบคุมฮอร์โมนช้างเพศเมียไม่ให้มีลูก ผลการทดลองหลังการฉีดวัคซีนพบว่าวัคซีนมีความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง ไม่มีอาการอักเสบ ไม่ส่งผลกระทบต่อช้างที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ ไม่ส่งผลเสียต่อพฤติกรรมของตัวช้าง และพฤติกรรมทางสังคมของช้างป่า จึงได้มีโครงการนำร่องเพื่อขยายผลการใช้วัคซีนคุมกำเนิดระยะยาวในช้างป่า โดยจะเริ่มใช้ในเดือน ม.ค. 68 ทั้งนี้ยังเป็นแนวทางในการจัดการประชากรช้างป่าให้มีปริมาณที่สมดุล ลดปัญหาระหว่างคนกับช้างป่าอีกด้วย
และลูกเพจมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้างคะ?