
วันนี้ (2 ต.ค.67) เหตุรถโดยสารไม่ประจำทางหมายเลขทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี (รถโดยสารชั้นเดียว ปรับอากาศ) บรรทุกเด็กนักเรียนและครูจำนวน 45 ราย เดินทางออกจากจังหวัดอุทัยธานี เมื่อถึงจุดเกิดเหตุบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าเซียร์รังสิต รถคันดังกล่าวได้เกิดเสียหลักไปเฉี่ยวชนกับรถเก๋ง และไถลเบียดกับแบริเออร์ที่อยู่กลางเกาะถนนวิภาวดี จากนั้นจึงเกิดเพลิงไหม้อย่างรุนแรงเสียหายทั้งคัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย บาดเจ็บ 3 ราย นั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 1 ต.ค.มีรายงานว่ารถบัสคันเกิดเหตุจดทะเบียนครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2513 โดยระบุเป็นประเภทรถโดยสารไม่ประจำทาง เลขตัวรถ 14300 เลขเครื่องยนต์ 422915-20-590053 มีที่นั่ง 41 ที่นั่ง น้ำหนักรวม 16,600 กิโลกรัม โดยตอนที่ยื่นกรมการขนส่งทางบกไม่ได้ยื่นจดทะเบียนว่าติดตั้งถังแก๊สเอ็นจีวี แต่ตอนที่สมัครกับบริษัทประกันยื่นว่ารถบัสคันที่เกิดเหตุติดถังแก๊สเอ็นจีวี ตามข้อมูลที่ได้รับจากบริษัทประกันที่ดูแลรถบัส

ขณะเดียวกัน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สำหรับสภาพรถที่เกิดเหตุเป็นปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่ง โดยพบว่ารถบัสคันดังกล่าวใช้เชื้อเพลิงชนิดก๊าซ CNG โดยกระทรวงคมนาคมจะมีการพิจารณาว่าหากเกิดอันตรายอาจจะมีคำสั่งให้เลิกใช้เชื้อเพลิงนี้

สำหรับสาเหตุเท่าที่ได้รับทราบรถมีการเฉี่ยวกับข้างทางแล้วไถลจนเกิดสะเก็ดไฟใกล้กับจุดที่เป็นถังเก็บก๊าซ CNG ทั้งนี้จะกลับไปดูว่ากระทรวงมีอำนาจตามกฎหมายอะไรบ้าง โดยเฉพาะระเบียบของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ถ้าพบว่าหากยังใช้รถที่บรรจุก๊าซ CNG แล้วสุ่มเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นอีก อาจจะมีมาตรการทบทวนการยกเลิกใช้ก๊าซประเภทนี้
“นอกจากนี้ เร่งหาข้อเท็จจริง และสาเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาในกระบวนการต่างๆ รวมถึง แนวทางในการจัดทำมาตรการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก”นายสุริยะกล่าว