หนุ่มโต้กลับ ศบค. หลังแถลงว่าติดโควิด-19 ขัดกับผลตรวจยืนยัน ?

ตกลงยังไง? หนุ่มเชียงใหม่โต้กลับ ศบค.หลังแถลงว่าตนติดโควิด-19 แจงยิบผลตรวจเป็นลบถึง 2 ครั้ง แต่ทำไมถึงกลายเป็นผู้ป่วยยืนยัน ลั่นมีคำถามมากมายที่ยังรอคำตอบ

ยังไงกันนี่ ตกลงผิดพลาดที่ใคร ผลตรวจผล หรือเข้าใจผิด?
หลายคนคงจำได้เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2563 ศบค.แถลงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศไทย 1 ราย ซึ่งเป็นชายไทย ชาวเชียงใหม่ อายุ 39 ปี อาชีพรับจ้าง มีประวัติทำงานที่ จ.ภูเก็ต ได้เดินทางจากกลับบ้าน เมื่อวันที่ 2 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ตรวจพบโดยการค้นหาเชิงรุก ของ อสม.เชียงใหม่ และเป็นผู้ติดเชื้อรายที่ 41 ของจังหวัดเชียงใหม่ หรือ รายที่ 3,018 ของประเทศไทย โดยผู้ติดเชื้อรายนี้ได้รับการยืนยันจากสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่และแถลงผลโดย ศบค.นั้น

อ่านข่าว : สสจ.เชียงใหม่ เผยไทม์ไลน์ผู้ป่วยรายที่ 41 ของจังหวัด ตั้งแต่กลับจากภูเก็ต

ภาพจากอีจัน
ล่าสุดวานนี้ 17 พ.ค. 2563 หนุ่มคนดังกล่าวออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แจงรายละเอียดยิบ โต้ ศบค.หลังผลตรวจยืนยัน 2 ครั้ง ว่าตนไม่ได้ติดโควิด-19 อีกทั้งไม่มีอาการป่วยเลยสักนิด พร้อมกับทิ้งท้ายว่าด้วยความสงสัยกับผลยืนยัน เพราะเกิดคำถามมากมายกับการป่วยครั้งนี้
ภาพจากอีจัน
โดยโพสต์ระบุว่า ผลการตรวจของผมครับ – 13 พ.ค. แจ้งว่าผลการตรวจเป็นบวกจาก รพ. แรกและส่งตัวผมไป รพ.ที่สอง ในเวลาตี 1 โดยประมาณ ทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจ (บอกผลเลือดว่าเป็นปกติ) และนอนรอ – 14 พ.ค. ได้ทำการเจาะตรวจเลือด เอ็กซเรย์ปอด และเก็บตัวอย่างในโพรงจมูกและคอ ตามมาตรฐานการตรวจเชื้อโควิดและรอผลตรวจยังไม่ออก (แต่มีการแถลงข่าวว่าผมติดเชื้อโควิด ) ผมยังคงนอนรอผลการตรวจ – 15 พ.ค. คุณหมอแจ้งผลทางวาจาว่าผลของเมื่อวาน (14 พ.ค.) เป็นลบ ผลปอดปกติ ผลเลือดตรวจหาภูมิคุ้มกันโควิดยังไม่มี แล้วตามที่ผมได้โพสต์ไปก่อนหน้านี้ว่า คุณหมอจะขอทำการตรวจซ้ำอีกครั้งและรอผลยืนยันอีกครั้งถ้าเป็นลบ ผมจะได้กลับบ้าน – 16 พ.ค. คุณหมอทำการตรวจตามวิธีเดิมและ ผลคุณหมอได้แจ้งผมผ่านไลน์ ช่วงเวลา 22.00 น .โดยประมาณและในตอนนี้ผมได้อยู่บ้านแล้วครับ สรุป คือ ผมมีเชื้อเพียงหนึ่งคืน ทั้งนี้ตลอดช่วงเวลาตั้งแต่อยู่ภูเก็ตจนเดินทางมาถึงเชียงใหม่ผมไม่เคยป่วย มีไข้ ไอ หรือน้ำมูก น้ำลายเหนียว เลยสักวันจนขณะนี้ ผมยังคงมีคำถามอีกมากมายจากการป่วยครั้งนี้? ในส่วนภรรยาและลูกได้รับผลยืนยันทั้งสองครั้งเป็นลบ อีกเรื่องที่ผมอยากขอโทษเรื่องวินัยในการกักตัว ใช่ครับผมมีวินัยในการกักได้ประมาณเกือบ 10 วัน (ไม่รวมตอนที่ภูเก็ตอีกหนึ่งเดือน) โดยอาศัยฝากเพื่อนซื้ออาหารเข้ามาให้ นานเข้าเราก็เริ่มเกรงใจเพราะบ้านของแต่ละคนไกลจากพื้นที่ บ้างหางดง บ้างดอยสะเก็ด บ้างแม่ริม และเนื่องจากที่เราเพิ่งกลับมาอยู่มันไม่ใช่ แค่เรื่องอาหาร ของใช้ภายในบ้านก็ชำรุดทรุดพัง ฝนตก ไฟดับ ยุงลาย เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่โรคโควิดที่ระบาด ยังมีไข้เลือดออกอีก และตลอดระยะเวลาเกือบ 10 วัน เราไม่ได้มีหน่วยงานใดๆ เข้ามาดูแลเหมือนตอนที่เกิดเป็นข่าวเรื่องนี้ขึ้นมามันจึงค่อนข้างลำบากเพราะเรามีลูกเล็กและไม่มีญาติที่นี่ ผมขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ อีกทั้งเรื่องความรับผิดชอบทางสังคม (จริงๆ คำนี้ต้องตามด้วย ในภาวะโรคระบาดครับ) ใช่ครับ ครอบครัวเราก็กลัวการรับเชื้อ จึงใส่แมส ล้างมือ พกครีมและแอลกอฮอล์ และสร้างระยะห่างทางสังคม 1 เมตร ไม่นำของเหลวหรือสารคัดหลั่งใดๆ ไปถูก เปื้อน ผู้อื่น เราปฏิบัติอย่างนั้นเพราะเรามีเด็กเล็ก อีกทั้งข่าวที่บิดเบือน ข้อความคุกคาม ที่ครอบครัวผมได้รับผมไม่เคยตอบโต้ใดๆ การที่ผมและครอบครัว ต้องมีการตรวจหาเชื้อนั้น มาจากมาตรการว่าคนที่กลับมาจากภูเก็ตต้องได้รับการตรวจ เพราะก่อนที่เราจะกลับ เราได้ลงทะเบียนแจ้งล่วงหน้ามาก่อนแล้วว่าปลายทางคือที่ไหน ไม่ใช่การตรวจพบโดย อสม. หรือว่าผมมีอาการป่วยครับ รวมทั้งการทำความสะอาด การฆ่าเชื้อที่บ้านผมก็ไม่มีนะครับ มีแค่เพียงการนำแมส 1 กล่องเจลล้างมือ 1 ขวดและไฮเตอร์ 1 ขวด มาให้ที่บ้านเท่านั้น ขอบคุณและขอโทษทุกคนที่ทำให้ไม่สบายใจครับ ทั้งนี้ต้องรอทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าวให้ชัดเจนอีกครั้ง และคลายข้อสงสัยไปพร้อมกัน