ย้อนไทม์ไลน์คดีครูจอมทรัพย์ จอมลวงโลก กับคดีสร้างหลักฐานพยานเท็จ

24 มิ.ย.63 ศาลอุทธรณ์นครพนม นัดครูจอมทรัพย์และพวก ฟังคำพิพากษา คดีสร้างพยานหลักฐานเท็จ

ย้อนคดีครูจอมทรัพย์ ทำไมเธอถึงติดคุก? 

13 ปีก่อน วันที่ 11 มีนาคม 2548 เกิดเหตุรถกระบะชนคนตาย บริเวณถนนสายธาตุน้อย-นาเหนือ ต.ท่าลาด จ.นครพนม
ผู้ตาย คือ นายเหลือ พ่อบำรุง มีชาวบ้านนำส่งโรงพยาบาล ทำให้ในที่เกิดเหตุพบเพียงแต่กองเลือดห่างจากจุดเฉี่ยวชน 15 เมตร และพบร้อยขูดรถจักรยาน 2 ล้อที่พื้นถนนยาวประมาณ 15 เมตร รถจักรยานคันที่ถูกเฉี่ยวชนกระเด็นไปไกล 30 เมตร

ภาพจากอีจัน
2 วันต่อมามีประจักพยาน คือ นางทัศนีย์ มาพบกับตำรวจและให้การว่า ไม่เห็นผู้ขับขี่รถยนต์คันเกิดเหตุหลบหนี แต่เห็นทะเบียนรถที่ชน คือ บค 56 สกลนคร ตำรวจจึงตามหารถทะเบียนนี้ และพบว่าเจ้าของรถ คือ ครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร เจ้าของรถสีน้ำตาลบลอน


ครูจอมทรัพย์ยอมรับว่า เธอเป็นเจ้าของรถจริง!
แต่วันที่ 11 มีนาคม 2548 ครูจอมทรัพย์ตัดสินใจขายรถให้กับนายประพัฒน์ แสนเมืองโคตร โดยทำการโอนรถ เปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองรถในวันนั้น หลังโอนรถเสร็จครูจอมทรัพย์ได้ยืมรถคันดังกล่าวไปทำธุระต่อ

“วันที่ 11 ขับรถมาจอด บอกสามี คุณขับรถไปส่งนายประพัฒน์ สามีบอกว่าช่วงเย็น นางไสวมาบอกว่า ถ้าครูจอมทรัพย์มา ไม่ต้องเอามาคืนนะ เพราะมันเลยฤกษ์แล้ว”
เวลาเกิดเหตุครูอยู่ที่บ้าน พยานที่ให้การคือคนในครอบครัว

เช้าวันที่ 12 มีนาคม 2548 นายประพัฒน์ เห็นสามีครูจอมทรัพย์ยืนล้างรถอยู่

ครูจอมทรัพย์บอกว่า “เราไม่ล้าง เหมือนที่คนบอกว่าล้างทำลายหลักฐาน ไม่เคยมีเลยในสมอง”

ภาพจากอีจัน
แต่แล้วเรื่องราวก็ถึงจุดพีค เมื่อตำรวจยึดรถไปตรวจสอบ ผลการตรวจพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่วิทยาการ จ.นครพนม ระบุว่า รถคันดังกล่าวมีรอยเฉี่ยวชนรอยเดิมทางด้านซ้ายและมีรอยขูดใหม่ทับรอยขูดเก่าอีกชั้นหนึ่ง และบริเวณใกล้กับโคมไฟหน้า ครูจอมทรัพย์แย้งเรื่องนี้ว่า “ประมาณปี 2546 สามีเอารถไปชนรั้วลวดหนามมา” เจ้าหน้าที่วิทยาการ ยังตรวจสอบพบว่า รถจักรยานคันที่ถูกชนนั้น มีรอยเลกสีอยู่สามตำแหน่ง มีสีเขียวที่ตะเกียบข้างซ้าย สูงจากพื้น 40 ซม. มีสีเขียวที่บังโคนหน้า สูงจากพื้น 55 ซม. และมีสีเขียวที่ขอบตะเกียบด้านซ้าย สูงจากพื้น 60 ซม. แต่รถครูเป็นสีน้ำตาลบลอนทั้งคัน มีสีเขียวเพียง 2 ตำแหน่งคือ ทะเบียนรถด้านหน้าและด้านหลัง ดังนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่วิทยาการพิจารณาจากเศษสีเขียว ที่ติดอยู่ที่รถของกลาง จึงเชื่อว่า การเปลี่ยนเฉี่ยวชน บริเวณที่เป็นไปได้ คือ แผ่นป้ายทะเบียนหน้ารถยนต์ ตรวจสอบแล้วสีเขียวที่แลกสีกับรถจักรยาน เป็นสีเขียวชนิดเดียวกัน ที่สำคัญรอยแผลเฉี่ยวชนด้านซ้ายนั้น เจ้าหน้าที่วิทยาการพบที่ฝากระโปรงหน้า มีลักษณะกระทบกับวัตถุที่มีน้ำหนักและอ่อนนุ่มเช่นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายคนจนปรากฏรอยเส้นประทับอยู่ หลักฐานนี้จึงทำให้เชื่อได้ว่า น่าจะเป็นรถคันก่อเหตุและครูจอมทรัพย์ ตกเป็นผู้ต้องหา ขับรถชนคนตาย โดยประมาท 8-10 ก.พ.60 สืบพยาน รื้อฟื้นคดี ตำรวจมีหลักฐานคนกลุ่มหนึ่งไปแจ้งตำรวจขอรื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์ บอกว่า รู้ตัวคนชนแล้ว! คือ นายเสริฐ รูปสะอาด ต่อมาคนกลุ่มนี้เกิดขึ้นโรงพักแจ้งขอเปลี่ยนตัว คนชนจริงๆ คือ นายสับ วาปี นายเสริฐ มารู้ทีหลังว่ามีการเปลี่ยนตัว จึงเกิดการเคือง เพราะคิดว่าจะไม่ได้ค่าจ้างจึงออกมาแฉหมดเปลือก!


“ผมไม่ได้ขับรถชนใครตายหรอก ผมขับรถไม่เป็น
แล้วมั่นใจเขาได้ยังไง ?
เขาบอกว่าเอาข้อประกันนี่แหละ
ไม่กลัวติดคุกเหรอ เคยเข้าคุกไหม ?
ไม่เคย ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร
แล้วเขาบอกให้ตังค์เท่าไหร่?
ให้ 200,000 บาท ไม่เคยเห็นสักครั้งเงินแสน”


ขณะเดียวกันตำรวจสืบย้อน ดูการครอบครองรถยนต์ บค 56 สกลนคร
ผู้ครอบครองรถไม่ใช่นายสับ วาปี

อีกประเด็นที่ตำรวจสืบหาพยานมาได้ คือ พิรุธในการครอบครองทะเบียน ซึ่งมีชื่อเจ้าของคือ นายสับ วาปี มีพยานยืนยันว่านายสับ ได้ขายรถให้กับผู้ใหญ่ลัน โพนแก้ว พี่เมียของนายสับ ในราคา 25,000 บาท แต่ไม่มีการโอนชื่อผู้ครอบครองใหม่

ต่อมาในปี 2547 ผู้ใหญ่ลัน ขายรถคันนี้ให้กับนายอุบล ไชยบันในราคา 33,000 บาท นายอุบลเปิดเผยว่าเป็นความจริง มีหลักฐานการเสียภาษีและการทำประกัน พ.ร.บ. ซึ่งมีชื่อของเขาบันทึกอยู่ใน พ.ร.บ.ชัดเจน

ดังนั้น เมื่อรถถูกขายไปถึง 2 มือแล้ว นายสับจะนำรถไปชนคนตายตามที่อ้างไม่ได้!!!

นี่คือจุดเริ่มต้น ของกระบวนการรับผิด?

หลังจากคดีครูจอมทรัพย์กรณีขับรถชนคนตาย จบไปแล้ว ด้วยคำพิพากษาศาลฎีกายกคำร้องรื้อฟื้นคดี
แต่ที่ยังคาราคาซัง คือ เรื่องจ้างคนรับผิดแทน ที่มีการแจ้งความเท็จหลายรอบ

งานนี้ตำรวจมีหลักฐานแน่นมาก!!!

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 ครูอ๋อง หรือ นายสุริยา นวลเจริญ เคย นำพยานสำคัญ 10 คน ไปพบ พ.ต.ท.จิตต์ ศรีหะมุกดาธนพง อดีต สว.มุกดาหาร ไปปรึกษา เพื่อหาทางช่วยเหลือ ครูจอมทรัพย์ โดยมีนายสับไปปรากฏตัว อ้างว่า เป็นคนขับรถชนคนตายตัวจริง ก่อนจะสารภาพทีหลังว่า ไม่ใช่ แค่จะคิดช่วยเหลือครูจอมทรัพย์ พ.ต.ท.จิตต์ ศรีหะมุกดาธนพง ถือเป็นพยานคนสำคัญ

วันที่ 1 ธันวาคม 2556 นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ได้นำพยานหลายคนที่เกี่ยวข้อง มาติดต่อเจรจากับ ผู้เสียหาย คือ นางแพงสี พ่อบำรุง อายุ อายุ 61 ปี ลูกสาวของ นายเหลือ พ่อบำรุง อายุ 75 ปี ที่เสียชีวิตจากถูกรถชน เพื่อตกลงจะชดใช้ค่าเสียหาย พร้อมมีการร่างหนังสือยินยอม ไว้เป็นหลักฐาน เรียบร้อย แต่พอถึงวันชำระ คือ วันที่ 2 ธันวาคม 2560 ไม่ยอมมาตามนัดหมาย ที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม ก่อนเงียบหายไป

วันที่ 25 ธันวาคม 2556 ว่า นายสุริยา นวลเจริญ ไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เรณูนคร ให้การตำรวจว่า นายเสริฐ รูปสะอาด เป็นคนขับรถ ตัวจริง ไม่ใช่ครูจอมทรัพย์ จึงต้องการมาลงบันทึก เพื่อนำไปเป็นพยานหลักฐานช่วยครูจอมทรัพย์ ก่อนเงียบหายไป

จนวันที่ 19 พฤษภาคม 2557 นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ได้นำ นายสับ วาปี ไปแจ้งความลงประจำวัน ที่ สภ.นาโดน ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อให้ดำเนินคดี ยืนยันว่า เป็นคนขับรถตัวจริง ทำให้มีคนขับรถถึง 2 คน ถือเป็นข้อพิรุธสำคัญ

จนกระทั่งต่อมาได้เกิดพยานสำคัญขึ้นอีก 2 ปาก คือ นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ อายุ 61 ปี และ นางทองเรศ วงศ์ศรีชา อายุ 52 ปี ที่ยืนยันว่า พบเห็นเหตุการณ์ และเห็นว่ามีชายคนขับรถ เดินลงมาดูผู้เสียชีวิต ก่อขับรถหนีไป ซึ่งได้มาเป็นพยานฝ่ายผู้ร้อง คือ ครูจอมทรัพย์ ในวัน พิจารณาไต่สวนรื้อคดีด้วย และยังเป็นพยานที่เคยให้การกับตำรวจตั้งแต่การเริ่มดำเนินคดี ว่าเห็น เป็นชายขับรถ และเลขทะเบียน เห็นแค่ 56 ไม่สามารถจำหมวดอักษร สีรถ ยี่ห้อรถได้ แต่ไม่ได้ให้การตำรวจมาก่อนว่าเป็นชาย

งานนี้ พยาน คือ นางทัศนีย์ ถูกออกหมายเรียกและแจ้งข้อกล่าวหา ให้การเท็จด้วย
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดทางตำรวจเชื่อว่า นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง จะเป็นกุญแจสำคัญที่ เชื่อมโยงเอาผิดขบวนการ รับจ้างทำผิดแทนครูจอมทรัพย์ ส่วนใครจะมีความผิดหรือพัวพันขบวนการสร้างแพะ รวมถึง ตัวครูจอมทรัพย์ด้วยหรือไม่

6 มีนาคม 2562 ศาลชั้นต้นได้ตัดสินคดีฐานความผิดรวม 4 ข้อหา คือ

1. แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน 2. ร่วมกันแจ้งเจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ 3. ร่วมเบิกความเท็จ และ 4. ซ่องโจร
โดยศาลได้พิจารณาตัดสินให้ 1. นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร จำคุก 8 ปี
2. นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง เพื่อนสนิท สั่งจำคุก 7 ปี 9 เดือน
3. นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ สั่งจำคุก 2 ปี 19 เดือน
4. นางทองเรศ วงศ์ศรีชา ทั้ง 2 เป็น พยานปากสำคัญที่เคยออกมายืนยันว่า ครูจอมทรัพย์ ไม่ได้ขับรถชนคนตาย ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 12 เดือน
5. นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อดีตสามีครูจอมทรัพย์ ศาลสั่งจำคุก 2 เดือน
6. นายสับ วาปี จำเลยที่อ้างว่าเป็นคนขับรถ ตัดสินจำคุก 2 ปี 10 เดือน และภรรยา
7. นางจันทร์ วาปี ตัดสินจำคุก 1 ปี 9 เดือน โดยทั้งหมดไม่รอลงอาญา

และในวันนี้ (24 มิ.ย.63) ศาลอุทธรณ์นครพนม ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดี พยานเท็จ