อีจันครับ… ตอนนี้แม่ผมแย่แล้ว ! แม่นอนโรงพยาบาลมาเป็นเดือน “ปอดติดเชื้อ” ผมนายระนอง กิ่งศักดิ์ ลูกยายน้อย อีจันจำผมได้ไหมครับ ช่วยแม่ผมด้วยตอนนี้ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว หมอบอกต้องใช้เครื่องผลิตออกซิเจนขนาด 5 ลิตร แต่เครื่องนี้ราคาสองหมื่นกว่าบาท มันแพงมาก ! สำหรับครอบครัวเราไม่มีเงินซื้อหรอกครับ แต่จำเป็นต้องใช้เพราะแม่หายใจเองไม่ได้แล้ว
คุณลุงระนองครับ… ผมยังไม่รับปากว่าจะช่วยได้ไหม ! แต่ผมจะพยายามหาทางช่วยให้ได้และเร็วที่สุดรอหน่อยนะครับ วันนั้นเป็นวันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม 63 ผมรับหน้าที่เป็นบรรณาธิการข่าวอีจัน เข้าเวรอยู่กับน้องๆนักข่าวอีจัน 2-3 คน หันซ้ายหันขวาไม่รู้จะช่วยยังไงต่อไป รู้แค่ว่าต้องทำอะไรซักอย่างและทำเดี๋ยวนั้นเพราะชีวิตคนรอไม่ได้ จังหวะนั้นมีน้อง บก. ( น้องยาหยี ) อีกคนเข้ามาพอดี เรารีบปรึกษากันทันทีเพื่อหาทางช่วยคุณยายน้อยให้เร็วที่สุด
คุณลุงระนองและป้าวาสนา ลูกของคุณยายน้อยที่นอนเฝ้าอาการป่วยของแม่อยู่ข้างเตียงตลอดเวลา บอกว่าทันทีที่ได้ยินว่าแม่ต้องใช้เครื่องผลิตออกซิเจนช่วงที่จะกลับไปอยู่ที่ห้องเช่า มันก็มืดแปดด้านไปหมด เพราะไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปซื้อมาช่วยแม่ ลูกของยายน้อยทั้ง 2 คน ยกมือไหว้ขอบคุณสังคมอีจันขอบคุณที่ต่อชีวิตให้แม่ของตัวเอง แม้จะไม่ทราบนามผู้ที่บริจาค แต่ก็ขอบคุณที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือถึงจะไม่รู้จักกันก็ตาม ขอให้ผู้ที่บริจาคเครื่องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงบุญกุศลที่ได้ทำ ขอให้ส่งผลเจริญยิ่งๆขึ้นไป ความช่วยเหลือที่ได้รับวันนี้จะไม่มีวันลืม
ก่อนที่ทีมงานอีจันจะเดินทางกลับเราได้มีโอกาสไปเยี่ยมคุณยายน้อยในห้องที่รักษาตัว ครั้งนี้คุณยายน้อยไม่ยิ้มแย้มเหมือนแต่ก่อนและช่างพูดช่างจาเหมือนเดิม เพราะอาการป่วยทั้งโรคไตและปอดติดเชื้อที่เป็นอยู่ ทันทีที่เราเข้าไปในห้องคุณยายเห็นทีมงานใส่เสื้ออีจัน และพูดขึ้นมาเบาๆว่าคุณอีจัน พร้อมกับแววตาคล้ายกับคนจะร้องไห้ เราบอกกับคุณยายน้อยว่าจำได้ไหม ยายน้อยไม่ตอบแต่ร้องไห้ออกมา เหตุผลที่ยายน้อยร้องไห้ คงรับรู้ได้ว่าสังคมอีจันไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเหมือนทุกครั้งที่คุณยายได้รับความช่วยเหลือก่อนหน้านี้ ทีมงานใช้เวลาอยู่ในห้องนั้นไม่นานมากนักเพราะไม่ต้องการรบกวนผู้ป่วยคนอื่นๆ รวมถึงอยากให้ยายน้อยพักผ่อนเยอะๆ ก่อนเดินออกจากเตียงผู้ป่วย เราบอกว่าผมจะเอาเสื้ออีจันมาให้ยายน้อยใส่วันที่กลับบ้านนะ คุณยายน้อยต้องสู้นะ ผมจะมารับยายน้อยกลับบ้านครับ…
มีคำถามเกิดขึ้นว่าจริงๆแล้ว “อีจัน” เป็นนักข่าวหรือเป็นมูลนิธิอะไรกันแน่ ผมบอกตัวเองว่าเราห้ามความคิดของคนอื่นไม่ได้หรอกครับ ถึงเราจะอยู่ในฐานะอะไรก็ตาม การช่วยเหลือและแบ่งปันเป็นสิ่งที่ดีงาม และจะทำให้สังคมนี้มีความสุขเดินต่อไปได้เหมือนทุกครั้งที่เจอวิกฤตอะไรก็ตาม ผมเชื่อว่าถ้าเรารู้จักการแบ่งปันไม่ว่าจะเหตุการณ์อะไรก็ตาม เราจะผ่านมันไปได้ด้วยดีครับ สุดท้ายนี้ผมขอกราบหัวใจของคนในสังคมอีจันมากๆ