อัยการยื่นอุทธรณ์คดีเสี่ยเบนซ์ สั่งจำคุกไม่รอลงอาญา

คดีเสี่ยเบนซ์ยังไม่จบ!!อัยการศาลสูงธนบุรี ยื่นอุทธรณ์คดี เเม้เยียวยาครอบครัวรองตี๋ 45 ล้าน

กรณีศาลจังหวัดตลิ่งชัน นัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี 5 ได้ยื่นฟ้อง "นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์" อายุ 56 ปี เสี่ยเจ้าของธุรกิจผลิตและประกอบอะไหล่รถยนต์ หลังเมาแล้วขับรถชน พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2บก..ป. หรือรองตี๋ กองปราบ พร้อมภรรยาเสียชีวิต

รายงานล่าสุด คดีนี้ พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลสูงธนบุรีพิจารณาเเล้ว มีคำสั่งยื่นอุทธรณ์คดีขอให้ศาลไม่รอการลงโทษนายสมชาย ต่อศาลอุทธรณ์พิจารณาต่อไป


ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ กรณีเมื่อวันที่ 11 เม.ย.62 เวลาประมาณ 23.30 น. พนักงานสอบสวนสนศาลาแดง รับแจ้งว่า มีเหตุรถยนต์ชนกัน ที่ ถ.ทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวง-เขตทวีวัฒนา ที่เกิดเหตุพบรถยนต์เบนซ์ ทะเบียน บฮ-789 กทม แต่ขณะนั้นไม่พบตัวคนขับ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิได้นำตัวส่งโรงพยาบาลธนบุรี 2 เพราะได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่เกิดเหตุพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุชวิชชากุล รอง ผกก.สอบสวน กก.2 บก.ป. เสียชีวิตอยู่ในรถยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สวิฟ ทะเบียน 2 กก-3653 และทราบจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ว่ายังมีนางนงนาฏ งามสุวิชชากุล ภรรยา และบุตรสาวอายุ 12 ปีซึ่งนั่งโดยสารมาด้วยได้รับบาดเจ็บ ก็ได้นำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลแล้ว แต่ต่อมา นางนงนาฏ ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์


ภายหลังตำรวจสอบสวนทราบว่า "นายสมชาย" ได้ขับรถเบนซ์วิ่งมาจาก ถ. พุทธมณฑลสาย 3 จะไปทาง ถ.พุทธมณฑลสาย 2 เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณ ถ.ทวีวัฒนา- กาญจนาภิเษก ได้ขับรถล้ำเข้าไปในช่องเดินรถของ พ.ต.ท.จตุพร ที่วิ่งมาจาก ถ.พุทธมณฑลสาย 2 กำลังมุ่งหน้าไป ถ.พุทธมณฑลสาย 3 จึงได้พุ่งชนกันอย่างแรง เป็นเหตุให้รถยนต์ทั้ง 2 คันได้รับความเสียหาย และ พ.ต.ท.จตุพร เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และจากการสอบสวนทราบว่าคืนเกิดเหตุ "นายสมชาย" ได้ดื่มเบียร์มาจากสนามไดร์ฟกอล์ฟ แขวง-เขตทวีวัฒนา กระทั่งเวลาประมาณ 23.30 น.ได้ขับรถเบนซ์คันเกิดเหตุ ออกมาตามถ.ทวีวัฒนา- กาญจนาภิเษก จนได้มาชนกับรถของผู้ตาย และเมื่อได้ทำการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ พบระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 260 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

นายสมชาย สารภาพทั้งในชั้นสอบสวนและ ชั้นพิจารณาของศาล ซึ่งศาลมีคำสั่งให้มีการสืบเสาะและพินิจจำเลยก่อนมีคำพิพากษา โดยให้พนักงานคุมประพฤติรายงานผลการสืบเสาะนั้นให้ศาลทราบภายใน 15 วัน และให้นัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ ซึ่งระหว่างนั้น "นายสมชาย" ก็ได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 200,000 บาท ก่อนฟังคำพิพากษานายสมชายผู้ก่อเหตุ ก็ยินยอมที่จะเยียวยาชดใช้ค่าเสียหาย 45 ล้านบาท ให้กับครอบครัวของนายตำรวจผู้เสียชีวิตซึ่งปัจจุบันคงเหลือเพียงบุตรสาวคนโตและบุตรสาวคนเล็ก

โดย "ศาล" พิเคราะห์คำฟ้อง ประกอบคำรับสารภาพและรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลย เกี่ยวกับประวัติการศึกษา อาชีพ ครอบครัวแล้ว จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.291,300 และ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ม.43 (2) (4) , 67 วรรคหนึ่ง ,152 ,157, 160 ตรี วรรคสาม วรรคสี่ อันการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานขับรถในขณะเมาสุราฯ มาตรา 43(2) ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ม.160 ตรี วรรคสี่ ซึ่งเป็นบทหนักสุด ให้จำคุก 6 ปี และปรับ 200,000 บาท โดยจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี พร้อมปรับ 100,000 บาท ซึ่งหากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการกักขัง ตามแระมวลกฎหมายอาญา ม. 29 , 30 รวมทั้งมีคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ของ "นายสมชาย" จำเลย และสั่งห้ามจำเลย ดื่มสุรา-เบียร์ หรือเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิดด้วย

ขณะที่ "ศาล" พิเคราะห์ตามรายงานสืบเสาะแล้ว โทษจำคุกจำเลยนั้น ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี และให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้ง ภายใน 2 ปี กับทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ มีกำหนด 48 ชั่วโมง ภายเวลา 1 ปีตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนด