9 ก.ย. 2563 ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาคดี นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ จับนายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ แก้ผ้า เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2559 ภายในห้องทำงานในเทศบาลเมืองบ้านไผ่ ซึ่งขณะนั้นนายแพทย์เปรมศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่
ศาลฎีกาได้พิจารณา เปลี่ยนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จากโทษจำคุก 2 เดือน เป็นกักขัง 2 เดือน โดยศาลให้เหตุผลว่า นายแพทย์เปรมศักดิ์ ได้สำนึกผิด และได้นำเงินสดจำนวน 1 แสนบาท มาวางต่อหน้าศาล เพื่อชดเชยค่าเสียหายให้กับสื่อมวลชน จึงสมควรแก่เหตุในการเปลี่ยนคำพิพากษาของศาลชั้นอุทธรณ์
ภาพจากอีจัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คดีความดังกล่าวนี้ ศาลชั้นต้นได้ตัดสินไปเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2561 ให้ นพ.เปรมศักดิ์ พร้อมพวกรวม 2 คน รับโทษจำคุกคนละ 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา จำเลยได้ขอยื่นอุทธรณ์สู้คดี และศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้นัดอ่านคำพิพากษาไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2562 แต่เมื่อใกล้ถึงวันนัดอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 4 นพ.เปรมศักดิ์ พร้อมพวก ได้ขอกลับคำให้การใหม่ในชั้นอุทธรณ์ โดยให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เพื่อขอให้ศาลเห็นใจและลงโทษสถานเบา ต่อมาเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2562 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คือให้จำคุกจำเลยทั้ง 2 คน คนละ 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ด้วยเห็นว่า คำตัดสินของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว การที่จำเลยมากลับคำให้การรับสารภาพ ในภายหลังไม่เกิดประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีของศาลแต่อย่างใด
ภาพจากอีจัน
สำหรับ นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีข่มขืนใจ บังคับขู่เข็ญ และกระทำอนาจาร หลังจับนักข่าวเดลินิวส์แก้ผ้า ขณะเข้าทำข่าว กรณีมีภาพหลุดงานแต่งกับนักเรียนสาว ม.5 จากนั้นผู้สื่อข่าว จึงเดินทางจึงแจ้งความเอาผิดกับนายแพทย์เปรมศักดิ์ พร้อมพวก ที่ สภ.บ้านไผ่ ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านไผ่ ได้สรุปสำนวนคำฟ้องส่งให้กับอัยการ เมื่อกลางเดือน พ.ย. 2559 โดยอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องเฉพาะ นายแพทย์เปรมศักดิ์ และ ว่าที่ ร.ต.บัวทอง เพียง 2 คน ส่วนฝ่ายโจทก์ทางอัยการมีความเห็นว่านายก่อสิทธิ์ เพียงคนเดียวเท่านั้นได้รับความเสียหาย