โฆษกจีนชี้ สหรัฐฯ ควรเจรจากับจีนบนพื้นฐานของความเท่าเทียม ความเคารพ และผลประโยชน์ร่วมกัน
วานนี้ (23 เม.ย.68) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า กัวเจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่าหากฝ่ายสหรัฐฯ ต้องการแก้ไขประเด็นปัญหาเกี่ยวกับภาษีกับจีนผ่านการเจรจาอย่างแท้จริง ฝ่ายสหรัฐฯ จะต้องหยุดคุกคามและข่มขู่กรรโชก และเจรจาบนพื้นฐานของความเท่าเทียม ความเคารพ และผลประโยชน์ร่วมกัน
กัวจียคุน กล่าวถ้อยคำข้างต้นในการแถลงข่าวประจำวันเพื่อตอบสนองต่อความคิดเห็นล่าสุดของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสองประเทศ
ซึ่งมีรายงานว่าทรัมป์กล่าวว่าสถานการณ์ของสหรัฐฯ และจีนนั้นเป็นไปด้วยดี และสหรัฐฯ จะไม่เล่นไม้แข็งกับจีนในการเจรจา พร้อมลดอัตราภาษีขั้นสุดท้ายต่อจีนลงอย่างมากจากร้อยละ 145 ในปัจจุบัน แต่จะไม่ถึงขั้นลดเหลือศูนย์ โดยทรัมป์ชี้ว่าจีนจำเป็นต้องทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ ไม่เช่นนั้น จีนจะไม่สามารถค้าขายในสหรัฐฯได้ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าเบสเซนต์กล่าวว่าอัตราภาษีที่สูงระหว่างสหรัฐฯ และจีนได้ปิดกั้นการค้าระหว่างเศรษฐกิจทั้งสองประเทศ ทว่าไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อการตัดขาดหรือการแยกตัวออกจากกันอย่างเด็ดขาด ทั้งสองประเทศอาจบรรลุข้อตกลงที่ครอบคลุมภายใน 2-3 ปี แต่ขณะนี้ยังไม่เริ่มดำเนินการเจรจาอย่างเป็นทางการ
ด้าน กัว กล่าวว่าจีนได้ชี้ให้เห็นมานานแล้วว่าไม่มีผู้ชนะในสงครามภาษีและการค้า ไม่มีทางออกสำหรับลัทธิกีดกันทางการค้า ขณะที่การแยกตัวและทำลายห่วงโซ่อุตสาหกรรมมีแต่จะนำไปสู่การแยกตัวออกห่างเท่านั้น ทั้งยังเผยว่ามุมมองของจีนต่อประเด็นสงครามภาษีที่สหรัฐฯ เปิดฉากขึ้นนั้นชัดเจนมาก จีนไม่ต้องการต่อสู้ และไม่กลัวหากต้องทำเช่นนั้น หากสหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะต่อสู้ในสงครามภาษีและการค้า จีนก็จะตอบโต้จนถึงที่สุด แต่หากสหรัฐฯ ต้องการแก้ไขปัญหาภาษีผ่านการพูดคุยเจรจา จีนพร้อมเปิดโอกาสสำหรับการเจรจาเช่นกัน
ทิ้งท้ายว่าสหรัฐฯ ไม่สามารถหวังว่าจะบรรลุข้อตกลงได้ในขณะที่ยังคงกดดันจีนอย่างหนักอยู่ตลอดเวลา สิ่งนี้ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องในการจัดการกับจีน และมีแต่จะล้มเหลวอย่างแน่นอน