ใจพ่อสลาย ลูกชาย 2 คน ไปทำงานที่อิสราเอล ถูกกลุ่มฮามาสยิงเสียชีวิต

พ่อยังทำใจไม่ได้ หลังญาติแจ้งข่าว ลูกชาย 2 คนไปทำงานที่อิสราเอล อยู่ในแคมป์คนงานที่กลุ่มฮามาสบุกยิงทิ้งรายตัว ยังรอฟังชื่อผู้เสียชีวิตจากทางการไทย

พ่อใจสลาย… หลังญาติแจ้งข่าว คนงานที่พักในแคมป์ 20 กว่าคน ไม่มีใครรอด เป็นแคมป์ที่ลูกชาย 2 คน ไปทำงานในอิสราเอล ได้แต่รอฟังข่าวจากทางการไทยว่าจะมีชื่อของลูกชายทั้ง 2 คนหรือไม่

วันนี้(10 ต.ค. 66) ทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของ นายรำเพย กุสะรัมย์ อายุ 62 ปี  ชาว อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ผู้เป็นพ่อของ นายอภิชาต กุสะรัมย์ อายุ 29 ปี และ นายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ อายุ 26 ปี  สองพี่น้องซึ่งเป็นแรงงานไทย ที่ไปทำงานในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่ประเทศอิสราเอล ว่า ขณะนี้ได้รับแจ้งจากหลานชายที่ทำงานอยู่ในประเทศอิสราเอล แต่อยู่คนละที่กับลูกชายทั้ง 2 ว่า ลูกชาย 2 คน เสียชีวิตแล้ว

นายรำเพย ยังบอกอีกว่า ตนมอบหมายให้หลานชาย เอาชื่อ ที่อยู่ สถานที่ทำงานให้หลานชายออกตามหาลูกชายทั้ง 2 คน ที่ทำงานในฟาร์มเลี้ยงสัตว์  หลานชายได้ประสานงานกับคนไทยที่อาศัยในอิสราเอล ที่สื่อสารภาษายิวได้ ให้ช่วยพาตามหาลูกชายทั้ง 2 คน และผู้ประสานงานได้พาไปหานายจ้างของลูกชาย  ซึ่งทางนายจ้างแจ้งมาว่า คนงานที่พักในแคมป์ 20 กว่าคน ไม่มีใครรอด เพราะผู้ก่อการร้ายเข้าไปในแคมป์ที่พักคนงาน แล้วใช้อาวุธปืนยิงทิ้งเรียงตัว ทำให้คนงานในแคมป์ตายทั้งหมด

หลังพ่อทราบเรื่อง ยอมรับว่าใจสลาย ทำใจไม่ได้  แต่ก็ต้องทำใจให้เข้มแข็ง รอฟังข่าวจากทางการไทย ว่าจะว่าอย่างไรในเรื่องของแรงงานไทยที่ถูกฆ่าตายในเหตุรุนแรงที่อิสราเอล จะมีชื่อของลูกายทั้ง 2 คนหรือไม่  ตอนนี้จิตใจว้าวุ่นไปหมด ยังทำใจไม่ได้  แต่ให้สติตัวเองว่าถ้าเป็นเรื่องจริงก็ต้องพร้อมรับให้ได้  ตอนนี้คิดว่ายังจะอยู่นิ่งๆ ก่อน ถ้าทางการไทยประกาศรายชื่อคนตายมีชื่อลูกชายออกมา ก็คิดว่าจะประกอบพิธีทางศาสนาหรืออาจจะรอร่างลูกชายเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้วค่อยจัดพิธีครั้งเดียว

ซึ่งเบื้องต้นทางเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่นและนายอำเภอหนองสองห้อง ได้เดินทางมาพบที่บ้าน พ่อรำเพยจึงบอกเล่าเรื่องที่รับทราบจากหลานชายที่ทำงานที่ประเทศอิสราเอลให้ทราบ ซึ่งทุกฝ่ายก็ยืนยันว่าจะดำเนินการช่วยเหลือคนไทยทั้งคนที่รอดชีวิตที่ต้องการกลับไทย รวมถึงร่างผู้เสียชีวิตกลับมาที่ประเทศไทยโดยเร็ว

คลิปอีจันแนะนำ
บีบหัวใจ แม่ผู้สูญเสีย จากสงคราม อิสราเอล บอก “อยากให้ลูกได้กลับบ้าน”