กพร. แจง ไทยไม่ได้มีแร่ลิเทียมมากเป็นอันดับ 3 ของโลก

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ แจง ไทยไม่ได้มีแร่ลิเทียมมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ระบุเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อน

เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 67 กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ หรือ กพร. ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีที่มีการเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้เร่งสำรวจจนพบแหล่งแร่ลิเทียมที่มีศักยภาพ 2 แหล่ง ได้แก่ แหล่งเรืองเกียรติ และแหล่งบางอีตุ้ม จ.พังงา พร้อมระบุถึงจำนวนที่พบว่ามีแร่ลิเทียมกว่า 14.8 ล้านตันนั้น  

ล่าสุด ทางกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ออกมาชี้แจงว่า ปริมาณ 14.8 ล้านตันนั้น ไม่ใช่ลิเทียมแต่อย่างใด ตามที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้เผยแพร่ข่าวว่ามีการพบแหล่งลิเทียมในประเทศไทย ซึ่งเป็นแหล่งแร่จากหินแข็งในพื้นที่แหล่งเรืองเกียรติ อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา

โดยแหล่งลิเทียมเรืองเกียรติมีปริมาณทางธรณีของทรัพยากรแร่ (Mineral Resource) ประมาณ 14.8 ล้านตัน ที่เกรตลิเทียมออกไซต์เฉลี่ย 0.45% หรือมีปริมาณลิเทียมคาร์บอเนตเทียบเท่า (ICE) ประมาณ 164,500 ตัน หากออกแบบแผนผังการทำเหมืองอย่างเหมาะสมและสามารถนำแร่ขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ร้อยละ 25 คาดว่าจะสามารถนำสิเทียมมาเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตแบตเตอรี่สิเทียมไอออน สำหรับรถยนต์ฟฟ้าขนาต 50 kWh ได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคัน นั้น 

ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ขอชี้แจงว่า คำว่า Mineral Resource มีความหมายถึงปริมาณทางธรณีของทรัพยากรแร่ ซึ่งแตกต่างจากคำว่า Lithium Resource ซึ่งหมายถึงปริมาณทรัพยากรโลหะลิเทียม ดังนั้น การนำข้อมูลปริมาณทางธรณีของทรัพยากรแร่ไปเปรียบเทียบกับปริมาณทรัพยากรโลหะลิเทียมของต่างประเทศ จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่าประเทศไทยมีปริมาณแร่ลิเทียมมาก เป็นอันตับต้นๆ ของโลกได้ 

สำหรับชนิดของแร่ที่พบในประเทศไทยในขณะนี้เป็นแร่เลฟิโตไลต์ (lepidolite) ที่พบในหินเพกมาไทต์(pegmatite) และมีความสมบูรณ์ของลิเทียมหรือเกรดลิเทียมออกไชต์เฉลี่ย 0.45% แม้จะมีความสมบูรณ์ไม่สูงมาก แต่ก็ถือว่ามีความสมบูรณ์กว่าแหล่งลิเทียมหลายแห่งทั่วโลก และมีความเป็นไปใด้ที่จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีในการแต่งแร่ที่ความสมบูรณ์ดังกล่าวได้คุ้มค่า อีกทั้งแร่ลิเทียมมีความสัมพันธ์กับแหล่งแร่อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ดีบุกและธาตุหายากอื่น ซึ่งประเทศไทยเป็นแหล่งดีบุกที่สำคัญในอดีต จึงมีความเป็นไปใด้ที่จะพบแหล่งลิเทียมเพิ่มเติมหากมีการสำรวจในอนาคต 

ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีผู้ได้รับอาชญาบัตรพิเศษเพื่อสำรวจลิเทียมจำนวน 3 แปลง ในพื้นที่จังหวัดพังงา และมีคำขออาชญาบัตรเพื่อสำรวจลิเทียมในพื้นที่จังหวัดอื่นอีก เช่น จังหวัดราชบุรี และ จังหวัดยะลา โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่จะเร่งรัดให้เกิดการสำรวจลิเทียมและแร่หายากเพิ่มขึ้น ให้ประเทศไทยมีข้อมูลพื้นฐานสำหรับการทำเหมืองลิเทียม เพื่อรองรับการเป็นฐานการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ในภูมิภาคต่อไป