11 ประเทศ ที่ตอกย้ำระบบการศึกษา ที่ดีที่สุดในโลก

ตอกย้ำประเทศชั้นนำ ด้านการศึกษาทั่วโลก จาก 11 อันดับประเทศ ที่มีระบบการศึกษา ที่ดีที่สุดในโลก

จากเรื่องราวชวนเปลี่ยนสู่สังคมที่ดีขึ้น คงต้องยกให้เป็นโรงเรียนที่ดีที่สุด ! ที่มีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ ที่ทำให้มองเห็นอนาคตที่ดีกว่าของลูกหลาน โดยโรงเรียนสิริรัตนาธร ได้มีการส่งหนังสือถึงผู้ปกครอง เตือนเลิกกังวลผลคะเเนสอบที่จะออกมาไม่ดีของนักเรียน เพราะคะแนนไม่สามารถช่วงชิงพรสวรรค์เเละความฝันของเด็กๆได้ ทำให้รู้สึกถึงแสงสว่างส่องสัญญาณที่ดีในระบอบการศึกษาไทยขึ้นมาเลยทีเดียว

รร.สิริรัตนาธร ส่งจดหมายถึงผู้ปกครอง อย่ากังวลคะเเนสอบ

สำหรับในส่วนของ สำนักนโยบายและแผนการศึกษาพื้นฐาน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อเปรียบเทียบสัดส่วน โรงเรียน – นักเรียน-ห้องเรียน ภายในประเทศไทย แสดงให้เห็นข้อมูลเปรียบเทียบ 5 ปีการศึกษา

ทั้งนี้ถ้าจะพูดถึงระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลกว่ามีประเทศไหนบ้างที่อยู่ระดับชั้นนำ และประเทศเหล่านั้นมีอะไรโดดเด่น ซึ่งทางเว็บไซต์ Business Insider ได้เจาะลึกข้อมูลทางการศึกษาและได้จัดอันดับประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดมาทั้งหมด 11 อันดับ (เนื่องจากมี 3 ประเทศที่ได้อันดับ 9 ร่วมกัน จึงทำให้จำเป็นต้องจัดเป็น 11 อันดับ) และนี่ก็คือ 11 ประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก

อันดับที่ 10 ประเทศบาร์เบโดส

รัฐบาลบาร์เบโดสทุ่มเงินให้กับระบบการศึกษาเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากสถิติแล้ว ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ทุ่มเงินให้ระบบการศึกษาสูงสุดเลยก็ว่าได้ โดยนักเรียนจะเรียนในระดับประถมตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ถึง 11 ขวบ และระดับมัธยมจากอายุ 11 ขวบจนถึง 18 ปี ซึ่งโรงเรียนในประเทศบาร์เบโดสนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นโรงเรียนของรัฐบาล

อันดับ 9 ประเทศนิวซีแลนด์

การศึกษาระดับประถมและมัธยมในประเทศนิวซีแลนด์นั้นจะเริ่มตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ไปจนถึง 19ปี และช่วงอายุที่บังคับเรียนจะอยู่ในระหว่าง 6 ขวบ ถึง 16 ปี โรงเรียนมัธยมในประเทศนิวซีแลนด์จะมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน ประมาณ 85% ของนักเรียนทั้งหมดจะเรียนอยู่ในโรงเรียนรัฐบาล 12% จะเรียนโรงเรียนกึ่งรัฐบาล(โรงเรียนเรียนเอกชนที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากทางรัฐ) และอีก 3% ที่เหลือจะเรียนในโรงเรียนเอกชน

อันดับ 8 ประเทศเอสโตเนีย

จาก สถิติ ในปี 2558 ชี้ว่า 4% ของ GDP ภายในประเทศของเอสโตเนียนั้น ได้ลงทุนไปกับระบบการศึกษา โดยพระราชบัญญัติการศึกษาของประเทศเอสโตเนีย ระบุว่าเป้าหมายของการศึกษาไว้ว่า “ให้สนับสนุนการสร้างเงื่อนไขอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาบุคลิกภาพ พัฒนาครอบครัว และพัฒนาประเทศชาติ เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง และชีวิตความเป็นอยู่ในเอสโตเนีย รวมทั้งเพื่อสอนคุณค่าการเป็นพลเมืองที่ดีและปลูกฝังการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับคนทั้งประเทศ”

อันดับ 7 ประเทศไอร์แลนด์

โรงเรียนมัธยมส่วนใหญ่ในประเทศไอร์แลนด์เป็นโรงเรียนที่ก่อตั้งและบริหารโดยเอกชนแต่รัฐเป็นผู้ออกเงินให้ นอกจากนี้ก็ยังมีโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนอาชีวศึกษาด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ได้มีรายงานว่าเงินที่ใช้ลงทุนกับระบบการศึกษาของประเทศไอร์แลนด์ได้ลดลงถึง 15% อันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ทางการเงินช่วงปี 2551 ถึง 2556 ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบการศึกษาของประเทศได้ในอนาคต

อันดับ 6 ประเทศกาตาร์

ในปี 2555 มี รายงานจากสำนักงานข่าว BBC ว่าประเทศที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างกาตาร์ “กำลังลงทุนเม็ดเงินในระบบการศึกษาของประเทศมากขึ้น ช่วยสนับสนุนโปรเจคต่างๆ มากมายตั้งแต่สามัญชนระดับรากหญ้าไปจนถึงงานวิจัยชิ้นใหญ่ในระดับมหาวิทยาลัย” ประเทศกาตาร์ได้ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลพัฒนามาตรฐานการศึกษาของประเทศ โดยโรงเรียนรัฐบาลจะมีโครงการเรียนฟรีสำหรับผู้ที่มีสัญชาติกาตาร์ และนักเรียนต่างชาติส่วนใหญ่ก็จะเรียนในโรงเรียนเอกชน

อันดับ 5 ประเทศเนเธอร์แลนด์

งานวิจัยของ Unicef ในปี 2556 ระบุว่า เด็กชาวเนเธอร์แลนด์เป็นเด็กที่มีความสุขที่สุดในโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงระบบการศึกษาที่กำลังมุ่งหน้านำประเทศอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี โรงเรียนส่วนใหญ่จะไม่สั่งการบ้านเยอะจนกว่านักเรียนจะขึ้นระดับมัธยม ซึ่งจะไม่สร้างความกดดันและความเครียดให้แก่นักเรียน โรงเรียนจะแบ่งเป็นโรงเรียนศาสนา โรงเรียนรัฐบาล และส่วนน้อยที่เป็นโรงเรียนเอกชน

อันดับ 4 ประเทศสิงคโปร์

ประเทศสิงคโปร์ทำคะแนนได้สูงมากทีเดียวในการสอบ PISA ซึ่งเป็นการสอบที่มีเป้าหมายเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ระบบการศึกษาของที่นี่ก็ถือว่าสร้างความกดดันและความเครียดให้กับเด็กอายุน้อยๆ เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

อันดับ 3 ประเทศเบลเยียม

ในประเทศเบลเยียมจะมีการแบ่งประเภทของโรงเรียนมัธยมศึกษาออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ โรงเรียนมัธยมทั่วไป โรงเรียนเทคนิค โรงเรียนอาชีวะ และสถาบันศิลปะ โดยทางโครงการ Fulbright จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้ทำการจัดนักเรียนแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศเบลเยียมและลักเซมเบิร์กกล่าวว่า “การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และประเทศเบลเยียมก็ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญนี้ โดยงบประมาณแผ่นดินจะถูกนำไปทุ่มให้กับการศึกษามากที่สุด โรงเรียนจะมีให้เลือกทั้งโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน สำหรับเด็กตั้งแต่อายุ 4 ขวบไปจนถึง 18 ปี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ หรืออาจจะเสียเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

อันดับ 2 สวิตเซอร์แลนด์

มีนักเรียนเพียง 5% เท่านั้นที่เข้าโรงเรียนเอกชนในสวิตเซอร์แลนด์ โดยโรงเรียนจะสอนในภาษาที่ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับถิ่นที่อยู่ ซึ่งภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศส และอิตาลี จะเป็นภาษาที่ใช้สอนมากที่สุด และตั้งแต่ระดับมัธยมเป็นต้นไป เหล่าเด็กๆ จะถูกแบ่งให้เล่าเรียนตามความสามารถและความถนัดที่พวกเขามี

อันดับ 1 ประเทศฟินแลนด์

ประเทศฟินแลนด์เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีระบบการศึกษาที่ดีมาโดยตลอด และติดอันดับโลกในทุกๆ ครั้ง นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านการเรียนการสอนที่ไม่แบ่งตามความสามารถ โดยนักเรียนทุกคนจะถูกสอนเหมือนกัน ส่งผลให้ช่องว่างระหว่างเด็กที่เก่งและไม่เก่งมีน้อยที่สุดในโลก ซึ่งโรงเรียนในฟินแลนด์จะให้การบ้านน้อยมาก อีกทั้งยังมีการสอบไม่บ่อยนัก

ขอบคุณข้อมูล learningcurve , สำนักนโยบายและแผนการศึกษาพื้นฐาน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

คลิปอีจันแนะนำ
คัดค้านประกันตัว เอ็ม อภิดิศร์ ข่มขืนดาราสาว