ตร.ไซเบอร์ บุกรวบพระหนุ่มนักธรรมเอก คากุฏิ หลังเปิดกลุ่มขายคลิปลับเด็กชาย 

ตำรวจไซเบอร์บุกรวบพระหนุ่มดีกรีนักธรรมเอก คากุฏิ หลังตรวจสอบพบแอบเปิดกลุ่มขายคลิปลับลามกอนาจารเด็กชาย

วันที่ 15 ก.พ.67 เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4  พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว กรณี ตำรวจไซเบอร์บุกกุฏิ รวบพระหนุ่มนักธรรมเอก เปิดกลุ่มลับค้าสื่อลามกเด็กชาย 

สืบเนื่องจากด้วยกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ได้รับแจ้งเบาะแสจาก The Scientia Program (โปรแกรมซายเอนเทีย) ซึ่งเป็น NGO ที่ดำเนินการในประเทศไทยเพื่อสนับสนุนผู้บังคับใช้กฎหมายของไทยในการต่อสู้กับการค้ามนุษย์และการแสวงหาประโยชน์จากเด็ก จากเบาะแสดังกล่าวพบว่ามีการโฆษณาชักชวนเข้ากลุ่มลับในแอปพลิเคชันไลน์ ชื่อบัญชี “𝐈𝐭’𝐬 𝐦𝐞♥” ได้โพสต์โฆษณาให้ผู้ที่สนใจสมัครสมาชิกเข้ากลุ่มลับ โดยมีข้อความลักษณะเชิญชวนให้บุคคลทั่วไปเข้าดูวิดีโอคลิปเด็กมัธยมชายกระทำอนาจารในบริบทต่างๆ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ 

ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. เร่งส่งเจ้าหน้าที่เข้าสืบสวนกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นการกระทำผิดที่ส่งผลกระทบเด็กและเยาวชน โดยจากการตรวจสอบพบว่า มีเด็กอายุไม่เกิน 18 ปีที่สามารถระบุตัวตนได้ปรากฎในคลิปจำนวน 5 ราย และยังมีที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้อีกเป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันสืบสวนจนทราบว่าผู้จัดการบัญชี หรือ แอดมิน LINE คือ พระสงฆ์รูปหนึ่ง อายุ 23 ปี ปัจจุบันบวชอยู่ในวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 

ต่อมาช่วงเช้าของวันที่ 21 ก.พ. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เข้าตรวจค้นกุฏิภายในวัดแห่งหนึ่งใน อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ พบพระสงฆ์แอดมินกลุ่มลับดังกล่าวข้างต้น เมื่อขอตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ พบภายในติดตั้ง แอพพลิเคชั่น LINE โดยลงชื่อเข้าใช้งานบัญชีที่ประกาศขายคลิปสื่อลามกอนาจารเด็กชาย(CSAM) ซึ่งเป็นผู้จัดการหรือแอดมินกลุ่มเองจำนวน 2 กลุ่ม และเป็นสมาชิกกลุ่มอื่น (CSAM) อีกกว่า 100 กลุ่ม รวมสมาชิกทั้งหมด 16,206 คน และพบสื่อลามกอนาจารเด็กเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือ, Notebook(โน๊ตบุ๊ก), Flash Drive (แฟลชไดร์ฟ) และที่จัดเก็บจัดการไฟล์ออนไลน์ (MEGA) รวมจำนวน 78.2 GB ซึ่งมีคลิปวิดีโอ อีกเกือบ 7,000 ไฟล์ 

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันแจ้งข้อหา ดังนี้ 

1. นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ 

2. ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กและส่งต่อซึ่งส่งสื่อลามกอนาจารเด็ก เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น, เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก 

3. เพื่อจะช่วยการทำให้แพร่หลาย หรือการค้าสื่อลามกอนาจารเด็กแล้ว โฆษณาหรือไขข่าวโดยประการใดๆ ว่ามีบุคคลกระทำการอันเป็นความผิดตามมาตรานี้ หรือโฆษณาหรือไขข่าวว่าสื่อลามกอนาจารเด็กดังกล่าวแล้วจะหาได้จากบุคคลใด หรือโดยวิธีใด  

ก่อนตำรวจไซเบอร์จะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สหัสขันธ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 


คลิปอีจันแนะนำ

ชีวิต สารวัตรรุ่ง ที่ถูกสกัดด้วย “มะเร็ง”