
วันนี้ (3 พ.ค. 68) นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรสามารถตรวจยึดครีบปลาฉลามจำนวน 402 ชิ้น น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 102 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ณ คลังสินค้า เขตปลอดอากรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังจากได้รับข้อมูลข่าวกรองจากสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าจะมีการลักลอบนำเข้าสินค้าต้องสงสัยที่อาจเข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาไซเตส (CITES) ว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศของชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์

การตรวจยึดในครั้งนี้เป็นผลจากการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปราม สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรมประมง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยหีบห่อสินค้าดังกล่าวมีต้นทางจากประเทศตรินิแดดและโตเบโก ผ่านการเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศจีน ก่อนเข้ามายังประเทศไทย และสำแดงประเภทสินค้าเป็น “DRY FISH” หรือ “ปลาแห้ง”

โฆษกกรมศุลกากรระบุว่า สินค้าที่ตรวจพบเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดกฎหมายหลายฉบับ ได้แก่
- ความผิดตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 23 ฐานนำซากสัตว์ป่าคุ้มครองเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ความผิดตาม พ.ร.บ. โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มาตรา 31
- ความผิดตาม พ.ร.ก. การประมง พ.ศ. 2558 มาตรา 92 ประกอบมาตรา 158 และ 144 ฐานนำเข้าซากสัตว์น้ำโดยไม่มีใบรับรอง
- ความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 242, 244 และ 252 ฐานนำเข้าของต้องกำกัดโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้ พนักงานศุลกากรได้ทำการยึดครีบปลาฉลามทั้งหมดไว้เป็นของกลางตามมาตรา 166 และ 167 แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2560 และนำส่งด่านตรวจประมงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

การดำเนินการครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มงวดของรัฐบาลในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าต้องห้าม อันเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ตามพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างจริงจัง