
วันนี้ (26 ก.ค.68) เวลา 08.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ. ทก.) เปิดเผยว่า กรณีที่ นาย ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเลือกใช้ Facebook กล่าวหาไทยโดยมีข้อความว่า ตนเอง ยอมตกลงหยุดยิงกับ ประธานอาเซียน “อันวาร์” แล้ว วันที่ 24 ก.ค. 68 เวลาเที่ยงคืน แต่ “ภูมิธรรม” ตัวแทนฝ่ายไทยกลับลำ ปฏิเสธข้อตกลงรอคุยใหม่ไม่มีกำหนด!นั้น ขอเรียนว่า ในการพูดคุยทางโทรศัพท์ ระหว่างนายอันวาร์ อิบราฮิม ประธานอาเซียน เป็นการโทรศัพท์พูดคุยระหว่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีรักษาการนายกรัฐมนตรีเพียงสองต่อสองเท่านั้น ไม่มีนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เข้าร่วมประชุม3สายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เนื้อหาของการหารือเป็นการเสนอหยุดยิงในเวลา 24.00 น. ซึ่งนายภูมิธรรมฯ ได้รับข้อเสนอในประเด็นดังกล่าวไว้พิจารณา โดยขอตรวจสอบสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาทั้ง 7 จังหวัด จากนั้นฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลไทยได้รายงานว่า กองทัพกัมพูชาไม่มีท่าทีท่าว่าจะลดการเผชิญหน้า มีแต่เสริมกำลังเข้าสู่ชายแดนไทยกัมพูชาทั้ง 7 จังหวัด และยังระดมกำลังยิงปืนใหญ่ รวมทั้งจรวดหลายลำกล้องเข้าพื้นที่ของพลเรือนอย่างต่อเนื่อง รักษาราชการนายกรัฐมนตรี จึงได้โทรศัพท์กลับไปชี้แจงกับประธานอาเซียนอีกครั้งว่า กองทัพกัมพูชายังเป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทย

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ปัญหาดังกล่าวนี้เป็นเพราะท่าทีของกัมพูชายังไม่หยุดเสริมกำลัง และระดมยิงพื้นที่พลเรือนอย่างไร้มนุษยธรรม เป็นอาชญากรรมสงคราม โดยพบว่า พื้นที่ตามแนวชายแดนตั้งแต่ทิศเหนือ จังหวัดอุบลราชธานีมาจนถึงทิศใต้ ที่จังหวัดตราด กองทัพกัมพูชาได้ระดมกำลังเข้ามาประชิดชายแดนอย่างต่อเนื่อง และมีรายงานว่า เป็นภัยคุกคามอย่างรุนแรงต่ออธิปไตยของไทย จึงได้ประกาศกฎอัยการศึก ใน2จังหวัดดังกล่าว
ส่วนการที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี กัมพูชาออกมาใช้โซเชียลมีเดีย Facebook โพสต์กล่าวหาว่าไทย ไม่ยอมรับในข้อตกลงนั้น เป็นข้อมูลที่ไม่เป็นจริง

รัฐบาลไทยขอขอบคุณ ประธานอาเซียน นายอันวาร์ อิบราฮิม สำหรับข้อเสนอหยุดยิงและพร้อมพิจารณา แต่ยังพบว่าฝ่ายกัมพูชายังคงโจมตีไทยอย่างต่อเนื่องตลอดวันโดยไม่เลือกเป้าหมายและยังพบว่าโจมตีเป้าหมายทางพลเรือนอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นการหยุดยิงใด ๆ ต้องมีเงื่อนไขที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ โดยฝ่ายไทย ต้องดูแลความปลอดภัยของประชาชนและขณะนี้ การกระทำของฝ่ายกัมพูชายังคงแสดงออกถึงความไม่จริงใจ และยังคงทำให้คนไทยตกอยู่ในอันตราย ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติและพี่น้องประชาชนจนถึงที่สุด
