
ประสบการณ์ครั้งนี้สอนได้เยอะ!
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก Kittiya Menaruji ได้ออกมาโพสต์แชร์อุทาหรณ์ของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ผ่านมา 2 ปีแล้วและปัจจุบันเธอหายดี จึงอยากมาแชร์ประสบการณ์ที่ชีวิตเกือบพังเพราะควาอยากสวย!!! โดยเธอ เล่าว่า…

ผ่านมา 2 ปีอยากมาแชร์ประสบการณ์ ชีวิตเกือบพังเพราะอยากสวยยยย!!! ครั้งนี้หมอไม่ผิด คลินิกไม่ผิด แต่เป็นที่ร่างกายเราที่แพ้เอง แพ้ฟิลเลอร์หนักมาก เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา
ครั้งแรกฉีดฟิลเลอร์คาง 1 cc บวมแต่คิดว่าแพ้ปกติ
ครั้งที่สองฉีดฟิลเลอร์ 4 cc คาง 1 cc ร่องแก้ม 2 cc ปาก 1cc
ย้ำ !! ฉีดปากแค่ 1 cc แต่ร่างกายแพ้หนักมาก


ตามรูปคือแย่มากปากบวมแบบปวดแสบปวดร้อนทรมานมาก ตอนนั้นคิดคำเดียวในใจคือ ตูไม่น่าเล๊ย ตูทำไปทำไม วันถัดไปหมอก็นัดไปฉีดยาฆ่าเชื้อและฉีดสลายไปติดต่อกัน 5 วัน ใช้เวลา 1 อาทิตย์กว่าจะยุบ และใช้เวลา 2 อาทิตย์ถึงจะได้หน้าเดิมกลับมาแต่ก้รู้สึกไม่เหมือนเดิม 100% คือผิวมันตึงมันพังไปแล้ว ก็ใครจะทำหัตถการใดๆก็เช็กร่างกายตัวเองดีๆว่ามีอาการแพ้มั้ยไม่งั้นอาจจะเจอตัวเองเวอร์ชั่นแบบนี้ก็ได้ แต่สุดท้ายแล้วผู้หญิงทุกคนอยากสวย ทุกวันนี้คืองดฟิลเลอร์ตลอดไป กลัว55555 แต่ก็ยังอยากสวยเหมือนเดิม จบ
ปล. มาแชร์ไว้เป็นกรณีศึกษานะคะ หากใครเจอเหตุการณ์แบบนี้คำแนะนำคืออย่าพึ่งไปปรึกษาเพื่อนหรือใครๆ หาหมอรักษาให้หายก่อนค่ะเพราะถ้าบอกเพื่อนหรือคนรอบข้างเราจะยิ่งจิตตกค่ะ เคสเราคือแรกๆก็ด่าหมอ ด่าคลินิก จนสุดท้ายมารู้ว่าตัวเรานั่นแหละที่แพ้เอง เพราะเราฉีด 2 ครั้งคนละคลินิกและคนละหมอ ส่วนยี่ห้อฟิลเลอร์ ม่วง ดำ ทอง เราลองมา 3 ตัว แพ้ทุกตัวค่ะเพราะฉะนั้นเราไม่โจมตีตัวยานะคะของแบบนี้แล้วแต่บุคคลจริงๆ
นี่ก็ถือเป็น เคสอุทาหรณ์ ของสายอยากสวยนะคะ เพิ่มความสวยได้ไม่แปลก แต่อย่าลืมเช็กสภาพตัวเองและเช็กว่าเรามีอาการแพ้หรือมีผลข้างเคียงห้ามทำ ห้ามฉีด หรือไม่นะคะ เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นค่ะ
ที่มา: เพจเฟซบุ๊ก Kittiya Menaruj https://www.facebook.com/share/p/16N5CnNxAY/