จากกรณีที่นางสาวแพรวา ทายาทนามสกุลดัง ขับรถยนต์เก๋งเฉี่ยวชนกับรถตู้โดยสาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต–อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ บนทางยกระดับโทลล์เวย์ขาเข้า ช่วงด้านหน้าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เมื่อคืนวันที่ 27 ธ.ค. 2553 ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้เวลาผ่านมากว่า 8 ปีแล้ว
โดยคดีนี้ ในส่วนของคดีอาญานั้นคดีถึงที่สุดแล้ว ศาลสั่งลงโทษจำคุกจำเลย แต่ก็ยังให้รอการลงโทษไว้ 4 ปี และให้ทำงานบริการสังคมระยะหนึ่งซึ่งก็น่าจะพ้นกำหนดเวลารอการลงโทษ และได้ทำงานบริการตามข้อกำหนดครบแล้ว
ภาพจากอีจัน
ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 8 พ.ค.62 ศาลแพ่งนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งศาลฎีกายืนคำพิพากษาตามศาลชั้นต้น ให้ แพรวา,พ่อ-แม่ และคนให้ยืมรถไปขับ ชดใช้ผู้เสียหายทั้ง 12 คดี คือครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 9 ราย และผู้บาดเจ็บอีก 3 ราย โดยเป็นค่าชดใช้ประมาณ 26 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย
แต่มีผู้เสียหาย ออกมาแฉว่า ปัจจุบันยังไม่ได้รับการติดต่อจากฝ่ายผู้ก่อเหตุเลย
ภาพจากอีจัน
เช่นเดียว กับ คุณแม่ถวิล เช้าเที่ยง อายุ 71 ปี แม่ ของดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง หรือ ดร.เป็ด นักวิทยาศาสตร์ประจำ สวทช. ที่เพิ่งจบการศึกษาปริญญาเอก จากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็น 1 ในผู้เสียชีวิต 9 ศพ
คุณแม่บอกว่า
ตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อ 9 ปีก่อน คู่กรณีแค่มาร่วมงานศพเพียงวันเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย แม้ว่าศาลจะตัดสินแล้วแต่ก็ยังไม่มีการติดต่อมา
ตอนนี้รู้สึกอึดอัดมากเพราะอายุก็มากแล้ว ทางคู่กรณีจะเอายังไงก็ได้ ขอให้มาพูดคุยกันบ้าง เราเองก็ไม่ได้ไปเรียกร้องอะไรเขามากมาย
ซึ่งได้มีการพูดคุยกับทางทนายแล้วว่า ถ้าไม่มีการมาเยียวยาก็จะต้องให้มีการบังคับคดี เพื่อดูว่าเขามีทรัพย์สินอะไรบ้าง โดยทำตามขั้นตอนของศาลซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน
ภาพจากอีจัน
นอกจากนี้ คุณแม่ถวิลยังบอกอีกว่า ตนเองไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงตอนที่ได้รับการเยียวยาหรือเปล่า ซึ่งถ้าลูกชายยังอยู่ตอนนี้ก็คงจะสบายกว่านี้ เพราะในช่วงที่ลูกเรียนจบมาก็อยากให้แม่เลิกร้อยพวงมาลัยขาย
แต่แม่ยังทำไหวก็ขอทำไปก่อน ถ้าเลิกร้อยพวงมาลัยในวันที่ลูกขอให้เลิก วันนี้คงลำบากกว่านี้เพราะไม่มีลูกคอยเลี้ยงดูแล้ว และพี่น้องก็ตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่หลานสาวคนเดียวที่มาช่วยกันร้อยพวงมาลัยขายแบ่งข้าวกินกันไป ก็อยากให้แพรวาได้เห็นใจบ้างเพราะเวลาก็เนิ่นนานมาแล้ว
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน