
ตีลังกาเล่าข่าว โดย กรรณะ
อีกไม่กี่วันก็จะถึงการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระแรก แต่ดูเหมือนว่าเกมการเมืองยิ่งทวีความร้อนแรง โดยเฉพาะสงครามตัวแทนระหว่างสีแดงกับสีน้ำเงินที่ถูกปลุกเร้า แม้จะมีคนบอกว่าเกมต้องจบก่อนประชุมงบประมาณ แต่ดูเหมือนว่านาทีนี้ยังไม่มีใครลงให้ใคร โดยเฉพาะเรื่องการเดินหน้าดำเนินคดี ฮั้ว สว.
เรียกว่า ผลัดกันรุกผลัดกันรับมาโดยตลอด และกับมูฟเมนต์ล่าสุด ที่ทำให้ “ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม ถูกเปรียบว่าเป็นอัมพฤกษ์จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่บางส่วน และคือส่วนเฉพาะที่ควบคุมดีเอสไอ เพราะเขาเป็นคนกุมบังเหียนการสอบฮั้ว สว. ครั้งนี้

วันนี้เราจะมาย้อนทุกตาเดินในหมากเกมนี้ ว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างไร และผลัดการรุกผลัดกันรับขนาดไหน
เริ่มด้วย “พรรคสีน้ำเงิน” คว้าชัยในเกมการเมืองด้วยการทำให้มี สว. ที่คิดเห็นไปในทางเดียวกัน นาทีนี้พวกเขามีแต้มต่อ เพราะ สว. จะเป็นผู้กุมอำนาจการตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงมีอำนาจในการตรวจสอบ ถอดถอนและให้ความเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการองค์กรอิสระ
“พรรคสีแดง” เปิดสงครามตัวแทน ตัดกำลัง สว. โดยให้ “ดีเอสไอ” เดินหน้าสอบว่ามีการฮั้วเลือก สว. หรือไม่ และมีการเปิดว่ามีหลักฐานที่ชัดเจนว่ามีการกระทำที่ไม่ถูกต้องอย่างเป็นกระบวนการ มีคนเป็นตัวแทน มีนักคณิตศาสตร์ มีหัวหน้าทีมงาน มีคนจ่าย มีการรวมคน เรียกง่ายๆ ว่ามีทุกกระบวนการในการ “ฮั้ว” ซึ่งเอาเข้าจริงคนทั่วไปก็เชื่อว่ามีขบวนการนี้จริงๆ
พรรคสีน้ำเงินระส่ำระสายไม่นานเริ่มตั้งหลักได้ และเริ่มตีโต้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้นำเรื่องการสอบฮั้วเลือก สว. เข้าคณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อให้รับเป็นคดีพิเศษ และนี่เองที่เริ่มเป็นจุดของการเอาคืน
เกณฑ์การรับเป็นคดีพิเศษ อยู่ที่ต้องได้เสียงอย่างน้อยสองในสาม หรือ 15 จาก 21 คน ซึ่งไล่เช็กไปเช็กมา ทีมของ รมว. ยุติธรรม และ รองนายกฯ ภูมิธรรม เวชยชัย ทำท่าจะหาเสียงได้ไม่ครบ เพราะมีการหยิบยกประเด็นว่า การสอบฮั้วเลือก สว. น่าจะเป็นอำนาจขององค์กรอิสระอย่าง กกต. มากกว่า
หลังจากเลื่อนพิจารณาไปมา และมีการต่อรอง ที่สุดคณะกรรมการคดีพิเศษหรือ บอร์ด ดีเอสไอ ก็มีมติที่ไม่รับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ แต่ก็เปิดช่องให้สอบเองในบางมูลฐานความผิดนั่นคือความผิดฐานฟอกเงิน เพราะตามกฎหมายแล้วหากเป็นคดีที่เกี่ยวกับการฟอกเงินดีเอสไอก็สามารถทำได้เองเลย
เมื่อมติบอร์ดออกมาแบบนี้ ดีเอสไอขาหนึ่งก็เดินหน้าสอบฟอกเงิน แต่อีกข้างก็ไม่ยอมแพ้เอาข้อมูลที่มีและรวบรวมมาได้ยัดใส่มือ กกต. เพราะตัวเองก็เป็นหนึ่งในคณะทำงาน กกต.
นัยว่าทำให้ถึงขนาดนี้ถ้ายังไม่ดำเนินการก็ระวังเจอคดี ม.157 ซึ่งเมื่อ กกต. เห็นข้อมูลก็ทำท่าจะดิ้นไม่ออก ต้องเดินหน้าทำคดีนี้
ขณะที่ สว. ก็เริ่มรุกกลับด้วยการไปร้องศาลรัฐธรรมนูญให้สอบว่า รมว. ยุติธรรม ทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
ส่วนดีเอสไอก็ไม่หยุดง่ายๆ ลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะอีสาน สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่จู่ๆ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญก็ทำหนังสือถึงมหาดไทย อ้างว่ามีการไปสอบแบบไม่ถูกต้องและใช้อำนาจข่มขู่ประชาชน

“มหาดไทย” ไม่รอช้าร่อนคำสั่งให้ผู้ว่าฯ ปกป้องสิทธิคนถูกสอบเต็มที่ แต่นัยยะคือป้องกันไม่ให้เกิดความร่วมมือกับการสอบสวนครั้งนี้
กลับมาด้าน ดีเอสไอ ก็จับมือ กกต. รุกคืบ ติดหมายเรียก สว. 53 คนให้มารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งคนที่มีชื่อแต่ละคนเรียกว่าเป็นคีย์แมนทั้งสิ้น ทั้ง ประธาน สว. ทั้งประธาน วิป สว. ทั้ง สว. ที่มีภาพใกล้ชิดกับพรรคสีน้ำเงิน เรียกได้ว่าโดนกันถ้วนหน้า
เท่านั้นไม่พอยังมีข่าวหลุดออกมาว่าจะมีการออกหมายเรียกแกนนำพรรคสีน้ำเงินมารับทราบข้อกล่าวหาในคดีนี้ด้วย และมีชื่อย่อหลุดออกมาเป็นยวงไล่ตั้งแต่ระดับหัวแถว ไปจนถึงระดับกลางแถว
นาทีนั้นใครๆ ก็คิดว่าเกมนี้ไม่น่ารอด “พรรคสีน้ำเงิน” น่าจะเพลี่ยงพล้ำ
แต่เมื่อสงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร เพราะเมื่อวันพุธแบบไม่มีใครคิดศาลรัฐธรรมนูญก็มีคำสั่งให้ “ทวี สอดส่อง” หยุดปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ
เมื่อสัญญาณจากศาลรัฐธรรมนูญแรงชัดขนาดนี้เล่นเอาไปไม่เป็นกันทั้งขบวน · ต้องบอกว่าคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญนั้นเล่นเอาอึ้งกันทั้งบาง ไม่ใช่เฉพาะคำสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ที่เหมือนเบรกกลายๆ แต่เป็นการสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่บางส่วน
เพราะการกระทำแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อนและไม่ถูกบัญญัติไว้ในกฎหมายมาตราใด เพราะที่ผ่านมาหากยุติปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องยุติในตำแหน่งนั้นๆไปทั้งหมด
แน่นอนถูกวิจารณ์ฉ่ำ เพราะมีคนบอกว่าทุกคำตัดสินที่แปลกประหลาดมักมีอะไรอยู่เบื้องหลัง
แม้จะถูกตั้งคำถามอย่างไร แต่ตามกฎหมายคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สุดต้องปฏิบัติตามทุกองค์กร ที่สุด “ทวี สอดส่อง” ก็ต้องยุติการดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเชื่อว่าเจ้าพนักงานที่ทำคดีนี้น่าจะกระอักกระอ่วนไม่น้อย
ถึงตอนนี้คนเชื่อว่า “พรรคสีน้ำเงิน” กำลังเป็นต่อเพราะชี้ชัดว่าอำนาจอื่นอยู่กับเขา สังเกตได้ว่าทั้งตั้งแต่บอร์ดคดีพิเศษ หรือศาลรัฐธรรมนูญพวกเขาไม่แพ้เลย · แต่ก็ต้องย้ำว่าคดีนี้เป็นเหมือนสงครามตัวแทน มีการหักเหลี่ยมเฉือนคมกันมาตลอด และเหมือนที่เราบอกไว้เมื่อกลางบทความชิ้นนี้ว่า “สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร”